วันวิสาขบูชา หรือ วิศาขบูชา เป็น “วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาสากล” ของชาวพุทธทุกนิกายทั่วโลก วันสำคัญของโลก ตามมติเอกฉันท์ของที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เพราะเป็นวันคล้ายวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญที่สุดในพระพุทธศาสนา 3 เหตุการณ์ด้วยกัน คือ เป็นวันคล้ายวันประสูติ, ตรัสรู้ และปรินิพพาน แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วันนี้จึงอยากเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนเข้าวัดฟังธรรม ปฎิบัติธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคล และสืบทอดบวรพุทธศาสนาในโอกาสวันสำคัญนี้
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร
สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1888 โดยพญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ราชวงศ์เม็งรายโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดา มีชื่อเดิมว่า “วัดลีเชียงพระ” ต่อมาสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของล้านนามาประดิษฐาน ชาวเมืองเชียงใหม่มักเรียกกันว่าพระสิงห์ จึงเป็นที่มาของชื่อวัดพระสิงห์ และปี พ.ศ. 2493 วัดนี้ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร
สิ่งที่น่าสนใจในวัดพระสิงห์คือความงดงามของ ‘วิหารลายคำ’ ขนาดกะทัดรัดที่มีสถาปัตยกรรมตามคติล้านนาที่ใช้สีแดงแทนการมีชีวิต ประกอบกับสีทองบ่งบอกถึงความสว่างไสวในธรรมะ ภายในวิหารประดิษฐานพระสิหิงค์และมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องสังข์ทองและเรื่องสุวรรณหงส์โดยรอบ โดย ศ.ศิลป์ พีระศรี เคยกล่าวถึงจิตรกรรมฝาผนังเรื่องสังข์ทองซึ่งพบอยู่แห่งเดียวนี้ไว้ว่า “ถ้าเรามองดูภาพของเรื่องสังข์ทองในวิหารลายคำ เราจะรู้สึกเหมือนว่าได้เข้าไปอยู่ในสภาพการณ์ที่เป็นจริงตามความเป็นอยู่เมื่อ 100 ปีก่อน” เลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีหอไตรที่ผนังประดับด้วยทวยเทพปูนปั้นสวยงาม ด้วยฝีมือช่างสมัยก่อนกับรูปสัตว์หิมพานต์ต่างๆ สวยงามสมกับศิลปะแบบล้านนาแท้ๆวัดพระสิงห์ วรมหาวิหารนี้ยังเป็นวัดประจำปีนักษัตรในปีมะโรง (งูใหญ่) อีกด้วย วัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ถ.สามล้าน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร
สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1929 ในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช (พญากือนา) กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ในราชวงศ์เม็งราย โดยได้โปรดอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่จากสุโขทัยมาบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ ปี พ.ศ.2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ ได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้างเพื่อให้ประชาชนได้ขึ้นไปสักการะ และเมื่อ พ.ศ.2477 ครูบาศรีวิชัย นักบุญล้านนาไทยเป็นผู้เริ่มดำเนินการสร้างถนน ความยาวกว่า 12 กิโลเมตร จากบริเวณสวนสัตว์เชียงใหม่ ปัจจุบันขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าเลื่อมใสเหล่านี้ ทำให้วัดพระธาตุดอยสุเทพกลายเป็น ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นพระอารามหลวงที่อยู่ในอุปถัมภ์ของกษัตริย์ทุกพระองค์นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันนี้ทางวัดได้เปิดให้บริการรถรางไฟฟ้าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากเดินขึ้นบันไดนาคจนเหนื่อย ค่าบริการ 20 บาท (คนไทย) และ 50 บาท (ชาวต่างชาติ) แต่หากใครอยากเดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ ก็จะได้เห็นเด็กน้อยชาวม้ง แต่งตัวน่ารักๆ และชักชวนให้เราถ่ายรูปด้วย เป็นเสน่ห์อีกอย่างของวัดพระธาตุดอยสุเทพ
การเดินทางเพื่อสักการะวัดพระธาตุดอยสุเทพ สามารถใช้บริการรถสองแถวแดงบริเวณหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ได้ โดยมีทั้งไป-กลับขึ้นดอยสุเทพและดอยปุย หรือหากมีรถยนต์ส่วนตัวก็สามารถขับขึ้นไปจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 14 กิโลเมตรได้สะดวกๆ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารยังเป็นวัดประจำปีนักษัตรในปีมะแม ควรมาสักการะพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล รวมถึงพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หากมาเชียงใหม่แล้วก็ควรขึ้นไปสักการะสักครั้งหนึ่งเช่นกัน
วัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดชัยพระเกียรติ
เดิมชื่อวัดชัยผาเกียรติ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าเมกฺฏิ วิสุทธิวงศ์ เจ้านครเชียงใหม่ ถือเป็นพระอารามของนครเชียงใหม่มาแต่โบราณ จากประวัติศาสตร์ที่ดูตามจารึกของอักษรพม่าว่าไว้ เจ้าไชยยะสรัพศาจาผัน ณ มหานครเชียงใหม่ มีความประสงค์จะให้มีสิ่งสักการะบูชาสำหรับคน เทวดาและพรหมตลอด 5000 พรรษาของพระพุทธศาสนา จึงรวบรวมเอาบรรดาพระพุทธรูปแตกหักนำมาหล่อเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ชื่อ “พระพุทธรูปเมืองราย” หรือ “พระพุทธรูปห้าตื้อ” ซึ่งเรียกตามน้ำหนักที่หล่อพระพุทธรูปองค์นี้นั่นเอง (5 ตื้อเท่ากับ 50 โกฏิ) สิ่งก่อสร้างของวัดแห่งนี้ปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ทดแทนของเดิมที่ผุพังไป และเนื่องจากอาณาจักรล้านนาเคยตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า จึงมีผลทำให้ศิลปวัฒนธรรมได้รับอิทธิพลมาจากพม่าด้วย เช่นรูปแบบสถาปัตยกรรมของยอดปราสาท
วัดชัยพระเกียรติตั้งอยู่ใกล้ถนนคนเดินวันอาทิตย์ จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยว และภายในวัดก็สงบร่มรื่น สามารถเดินได้เพลินๆ โดยชาวเชียงใหม่ยังเชื่อว่าหากมากราบไว้ที่วัดนี้จะเสริมสร้างเกียรติยศและศักดิ์ศรีให้แก่ตัวเราและครอบครัว และภายในวิหารยังมีของเก่าของโบราณทั้งพระพุทธรูปและเครื่องมือเครื่องใช้สมัยก่อนให้ดูเสริมความรู้อีกด้วย
วัดชัยพระเกียรติ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดเชียงมั่น
วัดเชียงมั่นถือเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ ประวัติความเป็นมาคือหลังจากพญางำเมือง พญาร่วง และพญามังราย ทรงสร้างเมืองเชียงใหม่แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 1839 ทั้งสามพระองค์ทรงโปรดให้สร้างเจดีย์ขึ้นตรงที่หอนอนเชียงมั่น ซึ่งเป็นที่ประทับชั่วคราวของพญามังรายระหว่างการสร้างเมือง เรียกว่า “เวียงเล็ก” หรือ “เวียงเหล็ก” ที่มีความหมายว่าความมั่นคงแข็งแรง ต่อมาพญามังรายเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชนิเวศน์มณเฑียรสถานแห่งใหม่ชื่อว่า “เวียงแก้ว” จึงได้อุทิศตำหนักคุ้มเวียงเล็กถวายแด่พระพุทธศาสนาและพระราชทานนามมงคลว่า “วัดเชียงมั่น” อันหมายถึงบ้านเมืองที่มีความมั่นคง ชาวเชียงใหม่จึงเชื่อกันว่าหากมากราบไว้ที่วัดนี้ ชีวิตก็จะประสบแต่ความมั่นคงตลอดไป
ภายในวัดมีทั้งเจดีย์ วิหาร อุโบสถ หอไตร ธัมมเสนาสนะ กำแพง และประตูโขง ซึ่งล้วนแต่มีประวัติความเป็นมาและสิ่งน่าสนใจ อย่างภายในวิหารจัตุรมุขเป็นที่ประดิษฐานพระเสตังคมณี (พระแก้วขาว) ปางมารวิชัย และพระศิลาปางปราบช้างนาฬาคิริง อายุกว่า 2,500 ปีและมีตำนานอย่างยาวนาน โดยพระเสตังคมณีแกะสลักจากหินผลึกสีขาวขุ่นด้วยฝีมือของช่างปฏิมากรชาวละโว้ ส่วนพระศิลานั้นแกะสลักด้วยหินชนวนสีดำตามคติความเชื่อของช่างปาละชาวอินเดีย
นอกจากนี้ยังมีวิหารที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังบอกเล่าความเป็นมาของการสร้างเมืองเชียงใหม่ รวมถึงเจดีย์ช้างล้อมทรงสี่เหลี่ยมผสมทรงกลมฐานช้างล้อม ลักษณะต้นแบบของเจดีย์ทรงล้านนา โดยเชื่อกันว่าเจดีย์นี้เคยถล่มลงมาสมัยพระเจ้าติโลกราช จึงได้โปรดสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ศิลาแลงแทน
วัดเชียงมั่น บ้านเชียงมั่น ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดเชียงยืน
ในเอกสารโบราณตามพงศาวดารโยนกเรียกชื่อว่า “วัดทีฆะชีวะวัสสาราม” ซึ่งมีความหมายว่าชีวิตที่ยืนยาว นักท่องเที่ยวมักจะไปกราบไหว้กันในวันสำคัญๆ เช่น วันปีใหม่ไทย วันปีใหม่สากล เพื่อขอให้อายุยืนยาว ตามประวัติ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในสมัยพญามังราย โดยสร้างไว้ให้คู่กันกับวัดเชียงมั่น โดยสร้างวัดเชียงยืนนี้ให้เป็นวัดที่สองนอกเวียงทางหัวเมือง เพื่อให้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสำหรับชาวเมืองนอกเขตกำแพงเมือง
วัดเชียงยืนมีมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าคือเป็นที่ประดิษฐานพระมหาธาตุเจดีย์รูปทรงแปดเหลี่ยม ที่สื่อความหมายถึงเดชบารมีแผ่ไปทั่วแปดทิศ และภายในพระวิหารหลวงยังประดิษฐานพระสัพพัญญูเจ้า พระประธานแห่งวัดเชียงยืนที่ต้องมาสักการะสักครั้งเมื่อมาถึงเชียงใหม่ และยังมีโบสถ์แปดเหลี่ยมตามศิลปะแบบพม่าที่มีอยู่แห่งเดียวในล้านนา และหอธรรมที่ตกแต่งในรูปแบบศิลปะพม่าด้วยเช่นกัน ความน่ารักที่อยากให้มาสัมผัสคือชุมชนรอบๆ วัดเชียงยืนแห่งนี้ยังร่วมมือกันดูแลวัดไม่ขาด โดยในช่วงต้นเดือนเมษายนของทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุวัดเชียงยืนเป็นประจำ จัดพร้อมๆ กับงานประเพณีปี๋ใหม่เมือง
วัดเชียงยืน ถ.มณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดดับภัย
วัดดวงดีเป็นอีกหนึ่งวัดของเส้นทางทำบุญไหว้พระ 9 วัดที่เชียงใหม่ เพื่อเสริมสิริมงคลตามชื่อวัด วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์มังรายมหาราช เดิมชื่อ ‘วัดอภัย’ แต่มีตำนานเล่าขานว่าพญาอภัยล้มป่วยทำการรักษาอย่างไรก็ไม่ทุเลา จึงตั้งจิตอธิษฐานต่อหลวงพ่อดับภัยแล้วอาการเจ็บป่วยก็หายไปโดยพลัน จึงเรียกชื่อวัดแห่งนี้ใหม่ว่าวัดดับภัย
ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปดับภัย (หลวงพ่อดับภัย) เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองในรูปแบบศิลปะเชียงแสน ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาดอกไม้เข้าไปไหว้หลวงพ่อดับภัยได้ที่หน้าวิหารที่มีบันไดนาค นอกจากนี้ วัดแห่งนี้ยังมีศาลาบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในสมัยพระเจ้าอินทวโรรส กษัตริย์ผู้ปกครองเมืองเชียงใหม่เสด็จฯ กลับจากกรุงเทพฯ ก็ต้องแวะมาเอาน้ำจากบ่อน้ำนี้ไปสรงน้ำพระพุทธมนต์ ความเชื่อนี้ส่งต่อมายังปัจจุบัน เมื่อชาวบ้านและนักท่องเที่ยวไหว้หลวงพ่อดับภัยเสร็จ ก็มักจะต้องมาตักน้ำจากในบ่อนี้ขึ้นมา แม้ว่าในปัจจุบันน้ำในบ่อจะเหลือน้อยแล้วก็ตาม นอกจากนี้ภายในวัดยังมีวิหารหลวงพ่อหยกขาวดับภัยและพระเจดีย์แห่งวัดดับภัย ซึ่งล้วนมีศิลปกรรมสวยงามตามแบบล้านนา
สำหรับความเชื่อของการมากราบไหว้วัดแห่งนี้ ก็คือเพื่อดับโรคภัยไข้เจ็บและทุกข์ภัย ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิตและที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้เข้มแข็งต่อสู้กับสิ่งต่างๆ เมื่อโรคภัยผ่านไปแล้ว
วัดดับภัย ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดชัยมงคล
วัดเก่าแก่อายุประมาณ 600 ปี สร้างราวสมัยพระเจ้าติโลกราช เป็นเจ้าเมืองปกครองเชียงใหม่ในสมัยที่ถูกพม่าปกครอง ลักษณะของเจดีย์และศิลปกรรมในวัดนี้จึงได้รับอิทธิพลมาจากพม่า-มอญเป็นส่วนใหญ่ เดิมชื่อวัดมะเล่อ จนต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 พระราชชายาเจ้าดารารัศมี จึงได้ขอพระราชทานเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดชัยมงคล (ริมปิง) เพราะเป็นท่าน้ำลงเรือสำหรับเจ้านายฝ่ายเหนือที่จะไปกรุงเทพฯ ถือเป็นวัดพี่น้องกับวัดบุพพาราม
ภายในวิหารประดิษฐาน ‘พระพุทธชัยมงคล’ ปางมารวิชัย ลงรักปิดทองเป็นพระประธาน ด้านหลังพระพุทธรูปมีธรรมาสน์ไม้แกะสลักรูปนาคเจ็ดเศียร สร้างในปี พ.ศ.2476 และยังมีพระพุทธรูปไม้สักปางเปิดโลกที่ได้รับมาจากวัดกิติด้วย ถือเป็นวัดที่ชาวพุทธนิยมมาปล่อยสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยกบ
วัดชัยมงคล ถ.เจริญประเทศ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดหมื่นเงินกอง
สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช (พญากือนา) โดยหมื่นเงินกองนั้นเป็นชื่อของมหาอำมาตย์ตำแหน่งขุนคลัง โดยได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ยศถาบรรดาศักดิ์ที่ตนเองได้รับมา
เจดีย์ภายในวัดเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเชียงใหม่ ผสมระหว่างเจดีย์ทรงเหลี่ยมศรีสัชนาลัยและเจดีย์ทรงกลมของล้านนาที่เป็นทรงประสาทฐานสี่เหลี่ยม ย่อมุมสูง มีเรือนธาตุสี่เหลี่ยมย่อมุม มีซุ้มจรประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ด้าน โดยเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2534 เคยถูกฟ้าผ่าครั้งหนึ่งแต่ไม่มีส่วนใดของพระธาตุเจดีย์เสียหายเลย ถือเป็นความอัศจรรย์อย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีวิหารพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ศิลปกรรมแบบล้านนาประทับฐานบัว และวิหารโบราณกึ่งตึกกึ่งไม้ที่สันนิษฐานว่ามหาอำมาตย์หมื่นเงินกองและภริยา ลูกหลานร่วมกันสร้างขึ้น
วัดหมื่นเงินกอง ถ.สามล้าน ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
วัดดวงดี
วัดดวงดี เดิมชื่อ “วัดต้นหมากเหนือ” ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นหลังจากพญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่แล้ว และมีเจ้านายเมืองเชียงใหม่องค์หนึ่งเป็นผู้คิดค้นการสร้าง
ประวัติของวัดดวงดี ตามหนังสือเขียนไว้ว่า พระอธิการบุญชู อภิปุญโญ (เจ้าอาวาสในขณะนั้น) ได้ขอให้คุณปวงคำ ตุ้ยเขียว ค้นคว้าและเรียบเรียงประวัติวัดดวงดี เพราะเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของนครเชียงใหม่ มีชาวไทยและชาวต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก อาจจะเนื่องเพราะชื่อวัดเป็นมงคลดี ซึ่งปรากฏว่าวัดดวงดีมีหลายๆชื่อ เช่น วัดพันธนุนมดี วัดอุดมดี วัดพนมดี ในปี พ.ศ.2513 คุณปวงคำได้เป็นผู้ช่วยวิจัยในโครงการวิจัยคำจารึกบนฐานพระพุทธรูป ในตำบลศรีภูมิกับตำบลพระสิงห์ โดยมี ดร.ฮันส์ เพนธ์ เป็นหัวหน้า ซึ่งได้พบคำจารึกบนฐานพระพุทธรูปโลหะองค์หนึ่ง ประดิษฐานอยู่ในวิหาร จารึกด้วยอักษรไทยยวน มีความว่า “สกราชได้ 859 ปีวายสี พระเจ้าตนนีแสนนืงไว้วัดต้นมกเหนือ” (จ.ศ.858 พ.ศ.2039 สมัยพระเจ้ายอดเชียงรายครองเมืองเชียงใหม่) พระพุทธรูปองค์นี้ถ้าไม่มีผู้นำมาจากที่อื่น แต่สร้างขึ้นในวัดนี้ หมายความว่าวัดดวงดีมีชื่อเรียกอีกอย่างคือ วัดต้นมกเหนือ หรือวัดต้นหมากเหนือ วัดดวงดีคงสร้างขึ้นหลังจากพระยามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่แล้ว
วัดดวงดี ถ.พระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ร่วมแสดงความคิดเห็น