แนะนำประชาชนหมั่นทำความสะอาดแอร์ และพัดลมไอน้ำป้องกันโรคลีเจียนแนร์

ocwzyvs172ep

นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีการใช้พัดลมไอน้ำในโรงพยาบาลเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคลีเจียนแนร์ว่าโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ใช้พัดลมไอน้ำทั้งที่ตึกผู้ป่วยนอก(โอพีดี)และหอผู้ป่วยตามคำแนะนำของสถาบันบำราศนราดูร เนื่องจากหากไม่ได้บำรุงรักษาทำความสะอาดภาชนะบรรจุน้ำของพัดลมไอน้ำอย่างสม่ำเสมออาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อลีเจียนแนร์ และแพร่กระจายโรคนี้รวมทั้งโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆจากละอองไอน้ำได้โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลมีอาการเจ็บป่วยร่างกายอ่อนแอภูมิต้านทานร่างกายต่ำอาจติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไปนอกจากนี้ยังพบเชื้อนี้ได้ในเครื่องปรับอากาศบ่อพักน้ำหอผึ่งเย็นจึงได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งปฎิบัติตามประกาศกรมอนามัยเรื่องข้อปฏิบัติการควบคุมเชื้อลีจิโอเนลลาโดยตรวจสอบระดับคลอรีนตกค้างของน้ำในบ่อพักทุกวันต้องไม่น้อยกว่า 0.2 ppm. น้ำในระบบน้ำร้อนรวมต้องมีอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส และน้ำที่ส่งออกต้องมีอุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ส่วนระบบปรับอากาศให้ใช้คลอรีนเข้มข้น 10 ppm.ในท่อที่ไปหอผึ่งเย็น 3-6 ชม.ให้ทั่วถึงทั้งระบบและทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศทุก 1-2 สัปดาห์ รวมทั้งทำความสะอาดหัวก๊อกน้ำและแช่ฝักบัวด้วยสารละลายคลอรีนเข้มข้น 10 ppm. หรือแช่น้ำร้อน65องศาเซลเซียสนาน 5 นาที
อย่างไรก็ดีในช่วงนี้ประเทศไทยสภาพอากาศร้อนจัด ญาติมีความเป็นห่วงผู้ป่วยจึงมักขอนำพัดลมไอน้ำมาใช้เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายตัวขึ้นจึงขอความร่วมมือให้ใช้พัดลมระบบแรงลมทั่วๆไปเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคลีเจียนแนร์และขอแนะนำประชาชนให้ดูแลล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศที่บ้านให้ทำความสะอาดท่อหล่อเย็นหรือถาดรองน้ำหล่อเย็นของเครื่องปรับอากาศ อย่าให้มีน้ำ ขัง เปียกชื้น ควรทำให้แห้ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคส่วนพัดลมไอน้ำไอเย็นให้ล้างภาชนะบรรจุน้ำอย่าปล่อยให้มีตะไคร่น้ำและเปลี่ยนน้ำบ่อยๆเนื่องจากเชื้อจะถูกทำลายได้ด้วยคลอรีนหากล้างและเติมน้ำประปาที่มีคลอรีนตามเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยทำลายเชื้อนี้ได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น