กรมวิชาการเกษตรเดินหน้าเปิดโครงการสานพลังประชารัฐ นำร่อง 160 ร้านในเขตภาคเหนือตอนบน

S__1851551

กรมวิชาการเกษตรเดินหน้าเปิดโครงการสานพลังงานประชารัฐ นำร่อง 160 ร้านในเขตภาคเหนือตอนบน รุกสร้างเครือข่ายผู้ผลิตปัจจัยการผลิตคุณภาพพร้อมพัฒนาต้นแบบความร่วมมือ หวังให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนการผลิตและมีผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ ด้านรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเผย ตั้งเป้าทั่วประเทศมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 20,000 ร้าน

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 1 พ.ย.59 นายดิเรก ตนพยอม รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานกล่าวเปิดโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และพิธีมอบตราสัญลักษณ์ “ร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ”  โดยมีนายอุทัย นพคุณวงศ์ ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขต 1 เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

S__1851556
นายดิเรก ตนพยอม รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร

ทั้งนี้ นายดิเรก ตนพยอม รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการลงนามและประกาศเจตนารมณ์ “โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร” ระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรกับสมาคมผู้ประกอบการด้านปุ๋ย สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และเมล็ดพันธุ์ จำนวน 7 สมาคม ผู้ประกอบการ 238 ราย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งเป็นความร่วมมือในลักษณะประชารัฐ เพื่อให้เกษตรกรมีปัจจัยการผลิต ได้แก่ ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และเมล็ดพันธุ์ ที่มีคุณภาพ ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้เกษตรกรมีต้นทุนต่ำลงมีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้

รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ประกอบด้วย 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.การสร้างเครือข่ายผู้ผลิตปัจจัยการผลิตคุณภาพ 2.พัฒนาต้นแบบความร่วมมือด้านปัจจัยการผลิตตามแนวทางประชารัฐในพื้นที่แปลงใหญ่ 3.จัดตลาดนัดปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ 4.กิจกรรมส่งเสริมการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต 5.ส่งเสริมร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ ซึ่งคาดว่าจะเกิดเครือข่ายผู้ผลิตปัจจัยการผลิตคุณภาพด้านพืชที่เข้าถึงเกษตรกร สามารถตรวจสอบฐานข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และได้ต้นแบบด้านปัจจัยการผลิตตามแนวทางสานพลังประชารัฐที่มีประสิทธิภาพ สามารถขยายผลต้นแบบไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ที่มีลักษณะการทำการเกษตรในรูปแบบเดียวกันได้

S__1851553

ด้าน นายอุทัย นพคุณวงศ์ ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขต 1 กล่าวว่า สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 1 ในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ในเขต 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน จึงกำหนดจัดงานโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และเป็นโครงการนำร่อง ทั้งนี้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 มีภารกิจทีได้รับมอบหมายจากกรมวิชาการเกษตรอีกด้านหนึ่งคือ การควบคุมและกำกับดูแลตามพระราชบัญญัติปุ๋ย วัตถุอันตรายทางการเกษตร และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นการควบคุมคุณภาพปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กฏหมายกำหนดไว้ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลในการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ในนามโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ในราคายุติธรรม โดยความร่วมมือกับผู้ประกอบการร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตในพื้นที่รับผิดชอบในเขตภาคเหนือตอนบน ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 4,320 ร้านในปัจจุบัน เป็นการสานต่อจากที่มีการร่วมลงนามระหว่างกลุ่มผู้ผลิตปัจจัยการผลิตทางการเกษตรในนามสมาคมต่างๆจำนวน 7 สมาคม และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้แก่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 ณ โรงแรมเซ็นทรันดวงทารา ศูนย์ราชการ กรุงเทพมหานคร โดยมีข้อตกลงว่าจะมีการลดราคาปัจจัยการผลิตให้แก่เกษตรกรในฤดูการผลิตที่จะถึงนี้ พร้อมมีการตรวจสอบคุณภาพปัจจัยการผลิตตามขั้นตอนโดยกรมวิชาการเกษตรและกรมการข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการการรันตีว่าเกษตรกรจะได้ปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพมาตรฐานในราคายุติธรรมหรือถูกลง ภายหลังจากที่เกษตรกรประสพภาวะภัยแล้งมานานเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลกในช่วงที่ผ่านมา

ในโครงการนี้ทาง สวพ.1 จึงได้เชิญผู้ประกอบการร้านจำหน่าย สหกรณ์การเกษตรสหกรณ์สาธิตการตลาดลูกค้าธ.ก.ส. และร้านค้าทั่วไปที่จำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเข้าร่วมฟังคำชี้แจงโครงการ และรับมอบป้ายตราสัญลักษณ์โครงการประชารัฐในวันนี้ สวพ.1 เชิญรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตรนายดิเรก ตนพะยอม เป็นผู้เปิดงาน ชี้แจงวัตถุประสงค์โครงการ และมอบป้ายตราสัญลักษณ์ พบปะกับร้านค้าปัจจัยการผลิต โดยมีร้านค้าต่างๆแจ้งการเข้าร่วมในครั้งแรกประมาณ 160 ร้านค้า และอาจมีการสมัครเข้าร่วมเพิ่มจำนวนขึ้นอีกในโอกาสต่อไป จากโครงการดังกล่าวทำให้เกษตรกรสามารถซื้อสินค้าปัจจัยการผลิตจากร้านค้าที่มีป้ายตราสัญลักษณ์ใกล้บ้าน และมีการติดตามการดำเนินงานโครงการอย่างต่อเนื่องไปจนสิ้นสุดโครงการ(ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเดือนธันวาคา 2559) โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้เพื่อให้เชื่อมั่นได้ว่าเกษตรกรจะได้มีการใช้ปัจจัยการผลิตที่ดี ส่งผลให้ได้รับผลผลิตสูงและมีคุณภาพดีต่อไป  ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขต 1 กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น