พระพิรุณ

พระพิรุณเรียกฝนเทกันมาเกือบทุกวัน…..สร้างความชุ่มชื้นให้จังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญลดอุณหภูมิ ความร้อนให้กับอากาศ ในช่วงเที่ยง-บ่าย และช่วงค่ำๆแต่…ยังไม่เพียงพอสำหรับน้ำในเขื่อนอย่าง เขื่อนแม่กวงอุดมธารา และ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ที่ยังคงมีระดับกักเก็บน้ำไม่ถึงร้อยละ 50 ของพื้นที่อ่าง เป็นปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้

ปีนี้ที่มีน้ำน้อย ฝนน้อย เป็นปัญหาสามัญประจำจังหวัดเชียงใหม่ไปเสียแล้ว น่าเสียดายที่ต้นตอปัญหายังคงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงๆจังๆ โดยเฉพาะปัญหาการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน และการแผวถางป่าเสื่อมโทรมเพื่อสร้างความชอบธรรมในการยึดครองพื้นที่ ทำการเกษตร

วันนี้พื้นที่ป่าไม้ที่ลดน้อยถอยลงอย่างรวดเร็ว ดูจะลุกลามในเขตภาคเหนือตอนบนจนดูเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วที่สำคัญรัฐบาลพยายามผลักดันให้ปีนี้งดการปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่มีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก ต้องพึ่งฟ้าฝน ที่กำลัง มีพายุ เข้ามาเติมน้ำในเขื่อนลูกแรกของปลายฤดูฝน ก่อนจะเข้าฤดูหนาวในเดือนตุลาคม ที่สำคัญปัญหาภัยแล้งกระทบต่อเกษตรกร ที่ต้องเพาะปลูก สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว

วันนี้ปัญหาเหล่านี้…ต้องช่วยกันแก้ไข จะทำโฮมสเตย์ สร้างรายได้จากแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หรือจะทำให้สินค้าเกษตรเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นการสร้างมูลค่า เปรียบเสมือนแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่ตอนนี้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ก็ไม่เห็นแปลกอย่างน้อยๆ การทำงานเชิงรุก สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว การสร้างพื้นที่ป่าชุมชน เพื่อเป็นแนวกั้นการบุกรุก หรือจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่

หรือจะเป็นการใช้เกษตรเชิงนิเวศน์ เป็นการผสมผสานน่าจะเป็นทางออกหนึ่งสำหรับเกษตรกร ผู้ที่ต้องคอยฟ้าฝน พื้นที่ส่วนใหญ่ของเชียงใหม่เป็นพื้นที่เกษตร หากเราสร้างมูลค่า สร้างความแตกต่าง นอกจากการปลูกพืชเพื่อขาย แต่เราทำเป็นเกษตรสร้างรายได้สองทางน่าจะทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ครับ นี่เป็นเพียงข้อเสนอเล็กๆ บนพื้นที่หน้ากระดาษเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างแนวคิด หรือได้ทำไปบ้างแล้ว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืนต่อไปครับ

ชัย ราชเชียงแสน

ร่วมแสดงความคิดเห็น