หม้อข้าวหม้อแกงลิง พืชกินแมลง

B6ถ้าพูดถึงพืชกินแมลง คงหนีไม่พ้น หม้อข้าวหม้อแกงลิง ไม้แปลกจากป่าดงดิบมีสายพันธุ์อยู่ประมาณ 80 กว่าชนิด พบได้บนเกาะบอร์เนียวถึง 30 กว่าชนิด นอกนั้นกระจายอยู่ทั่วไปตามโซนเขตร้อนทั่วไปในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค วิธีการดักจับแมลงที่ใช้กับดักประเภทรอเหยื่อ คือ มันจะสร้างน้ำหวานไว้ที่ปีก และขอบปาก เมื่อแมลงหลงเข้ามาตอมน้ำหวาน ขาก็จะถูกเคลือบด้วยสารที่มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง ทำให้ลื่นตกลงไปภายในหม้อ และภายในนั่นเองจะมีน้ำย่อยอยู่ เหยื่อที่ตกลงไปจะค่อยๆจมน้ำจนตาย และก็จะถูกดูดซึมสารอาหารจนหมด ทิ้งกากที่ย่อยไม่หมดไว้ที่ก้นหม้อนั่นเอง ซึ่งเป็นวิธีการที่ชาญฉลาดในการเอาตัวรอดในสภาพพื้นที่ที่ขาดแร่ธาตุอาหารที่จำเป็นของพืช

หม้อข้าวหม้อแกงลิง(Nepenthes ) ลักษณะลำต้นอยู่รวมกันเป็นกอหนาแน่น หรือถ้าเป็นต้นอ่อนจะขึ้นอยู่โดดเดี่ยว ลำต้นอาจเลื่อยไปตามพื้นดิน หรือเกาะไม้พุ่มขนาดเล็ก ลักษณะใบยาวประมาณ 12-18 ซม.ปลายใบเป็นกระเปาะคล้ายเชือก ยาว 10 – 15 ซม.กระเปาะเมื่อยังอ่อนฝาจะปิด เมื่อกระเปาะแก่ฝาจะเปิด กระเปาะมีหลายสี เช่น สีเขียว สีน้ำตาลอมแดง และสีเขียวปนแดงเรื่อๆ ภายในกระเปาะมีขนป้องกันแมลงที่ตกเข้าไป ไม่ให้ออกได้ อีกทั้งผิวกระเปาะยังมีรูเล็กๆจำนวนมากปล่อยน้ำย่อยออกมาขังไว้ในกระเปาะ เพื่อย่อยสลายแมลงเป็นอาหาร ลักษณะดอกออกเป็นช่อตามส่วนยอดของลำต้น ก้านช่อดอกยาว 50-100 ซม. มักจะจะออกดอกระหว่างเดือนพฤศภาคม – สิงหาคม ดอกเพศผู้และเพศเมียแยกอยู่กันคนละต้น เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แลัวดอกเพศเมียจะกลายเป็นฝักที่มีเมล็ดเป็นจำนวนมากอยู่ภายใน B7มาถึงขั้นตอนการปลูกเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิงให้สวยงามไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนัก เริ่มจากการเตรียมเครื่องปลูกหม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นต้นไม้ที่ชอบเครื่องปลูกที่มีลักษณะโปร่งๆ สามารถถ่ายเทอากาศได้สะดวก มีความชื้นสูง และไม่แฉะ ซึ่งปกติจะใช้กาบมะพร้าวสับขนาดเล็ก เป็นส่วนประกอบหลักของเครื่องปลูก เนื่องจากกาบมะพร้าวสับจะมีคุณสมบัติในการเก็บความชื้นได้มาก แต่ไม่อุ้มน้ำ และอากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก อีกทั้งน้ำหนักเบา หาซื้อได้ง่าย และราคาไม่สูง นอกจากกาบมะพร้าวสับแล้ว เราอาจใช้ขุยมะพร้าว, ทรายหยาบ, ใบก้ามปู, หินภูเขาไฟ หรือหินพัมมิส (Pumice) เป็นส่วนประกอบของเครื่องปลูกได้ โดยใช้ผสมกับกาบมะพร้าวสับ ในอัตราส่วนประมาณ 3:1 คือกาบมะพร้าวสับประมาณ 3 ส่วน และส่วนประกอบอื่นๆ ประมาณ 1 ส่วน

กระถางที่เหมาะสมกับการปลุกเลี้ยงหม้อข้าวหม้อแกงลิง ควรจะใช้กระถางพลาสติก และไม่ควรใช้กระถางดินเผาในการปลูกเลี้ยง เนื่องจากเวลาที่ปลูกเลี้ยงไปนานๆ แร่ธาตุ และเกลือแร่บางชนิดจะค่อยๆปลดปล่อยจากดินที่ใช้ในการปั้นกระถาง หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นต้นไม้ที่ไม่ค่อยชอบ แร่ธาตุ และเกลือแร่บางชนิด จึงแนะนำให้ใช้กระถางพลาสติกในการปลูกเลี้ยง รดน้ำวันละครั้งเดียว รดให้น้ำทะลุผ่านออกก้นกระถางก็เพียงพอแล้ว ส่วนแหล่งน้ำที่นำมารดนั้น แนะนำให้ใช้น้ำประปาจะดีที่สุดหม้อข้าวหม้อแกงลิงเป็น ต้นไม้ที่ชอบแสงมากๆ แต่จะไม่ชอบแดดกลางแจ้งโดยตรงและควรได้รับแสงอย่างน้อยครึ่งวัน จะเป็นช่วงเช้าหรือบ่ายก็ได้ แต่การเจริญเติบโตอาจช้ากว่าต้นที่ได้รับแสงเต็มวัน หากร่มเกินไปหม้อข้าวหม้อแกงลิงจะไม่ออกหม้อ โดยปลายใบที่พัฒนาออกมาเป็นหม้อจะฝ่อ หรือแห้งไป ไม่เจริญเติบโตต่อ แก้ไขโดยเปลี่ยนที่ปลูกเลี้ยงให้มีแสงมากขึ้นโดยบริเวณที่เหมาะสมในการปลูกเลี้ยง คือ ใต้ซาแรน (Slan) ควรใช้ซาแรนที่มีความเข้มประมาณ 50-60% จะดีที่สุด หากความเข้มมากกว่านี้จะร่มเกินไปสำหรับหม้อข้าวหม้อแกงลิง หรือใต้ระแนงไม้ ระเบียงหน้าต่าง ชานบ้าน ศาลาในสวน การให้ปุ๋ยบำรุง ปุ๋ยเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับหม้อข้าวหม้อแกงลิง เนื่องจากมีหม้อที่คอยล่อแมลงมาเป็นสารอาหารอยู่แล้ว แต่หากใส่จะทำให้เจริญเติบโตรวดเร็วขึ้น โดยใช้ปุ๋ยละลายช้าสูตรเสมอ 14-14-14, 16-16-16 หรือสูตรเร่งดอกก็ได้ ใส่ประมาณ 5-15 เม็ด ต่อกระถาง ปริมาณขึ้นอยู่ขนาดของกระถาง ปุ๋ยละลายช้าใส่ 1 ครั้ง อยู่ได้นาน 3-6 เดือน

B5ประโยชน์ของต้นไม้กินแมลงชนิดนี้นอกจากจะปลูกเป็นไม้ประดับแล้ว ชาวบ้านทางภาคใต้ นิยมนำมารับประทานผักจิ้มน้ำพริก รวมถึงการนำเอาดอกหม้อข้าวหม้อแกงลิงมาทำเป็น “ข้าวเหนียวหม้อแกงลิง” ลักษณะคล้ายกับข้าวต้มมัดมีข้าวเหนียวกับกะทิเป็นหลัก วิธีการทำคราวๆเริ่มจากการแช่ข้าวเหนียว แล้วนำกระเปาะหม้อแกงลิงไปล้าง นำมาเรียงไว้ในภาชนะที่ใช้นึ่ง กรอกข้าวเหนียวลงไปในกระเปาะ จากนั้นหยอดหางกะทิตามลงไป ยกขึ้นเตานึ่งกะพอข้าวเหนียวใกล้สุกดีจึงหยอดหัวกะทิที่ผสมเกลือพอเค็มนิดหน่อย นำมานึ่งอีกครั้งจนสุกดี

พืชกินแมลงได้รับความสนใจด้วยความสามารถที่แปลกประหลาดของกระเปาะดักแมลง ทำให้มีการนำเข้าพืชกินแมลงจากต่างประเทศ และขณะเดียวกันสายพันธุ์ไทยก็มีความสวยงามไม่แพ้กันเลยทีเดียว ทำให้มีกลุ่มพ่อค้าขายต้นไม้หัวใสนิยมนำต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงจากป่ามาปลูกขายเป็นไม้ประดับโดยหวังที่จะขายความแปลก แต่คนที่ซื้อไปปลูก ช่วงแรกก็เกิดอาการชื่นชมในรูปร่างหน้าตาความแปลกประหลาด แต่อีกไม่นานก็ตายไป เพราะขาดความรู้ความเข้าใจและวิธีการเลี้ยงที่ถูกวิธี การปลูกต้นไม้สักต้นนั้นต้องอาศัยความรักและความเอาใจใส่ขอให้คำนึงอยู่อย่างหนึ่งว่า ต้นไม้นั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับมนุษย์ในระบบนิเวศ

ร่วมแสดงความคิดเห็น