เปิดใจ คณบดีฯ สื่อสาร มช. หลังปลอมตัวเก็บขยะ

(1)

วันที่ 4 ส.ค. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ ได้มีการเผยแพร่ข่าว เรื่องที่ รองศาสตราจารย์ธีรภัทร วรรณฤมล คณบดีคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่งกายซอมซ่อปลอมตัวเป็นพนักงานทำความสะอาด ถือไม้กวาดและลากถังขยะ เก็บความขยะและทำความสะอาดบริเวณโดยรอบของคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะที่กลุ่มนักศึกษามากมายของคณะกำลังทำกิจกรรมรับน้องนักศึกษาชั้นปีที่ 1 โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าคุณลุงพนักงานทำความสะอาดคนนั้นแท้ที่จริงเป็นใคร จนกระทั่งในช่วงของการจัดเวทีปฐมนิเทศน์นักศึกชั้นปีที่ 1 ที่คุณลุงพนักงานทำความสะอาดคนเดิม ได้มาปรากฏตัวอีกครั้งบนเวทีเพื่อพูดคุยกับนักศึกษา ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวตนว่าคุณลุงคนนั้นแท้ที่จริงแล้วก็คือคณบดีปลอมตัวมา สร้างความฮือฮาและประทับใจให้กับน้องนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เป็นอย่างมาก รวมทั้งเกิดกระแสชื่นชมไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์และสังคมทั่วไป นอกจากนี้มีผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเผยแพร่จนกระทั่งกลายเป็นกระแสข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ

(4)

ทั้งนี้ ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง รองศาสตราจารย์ธีรภัทร วรรณฤมล คณบดีคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าวที่ได้ทำไปนั้น ซึ่งทางเจ้าตัว เปิดเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมรับน้องเชิงสร้างสรรค์ของคณะการสื่อสารมวลชน ภายใต้แนวคิด “สื่อสาร สร้างสรรค์ แบ่งปัน” ที่ต้องการจะถ่ายทอดไปยังน้องนักศึกษาใหม่ ซึ่งทางสโมสรนักศึกษาคณะการสื่อสารมวลชน ได้คิดกิจกรรมขึ้นมาและให้ตัวเองซึ่งคณบดีเข้าไปมีส่วนร่วมและมีบทบาทด้วย โดยการปลอมตัวเป็นนักการภารโรง และสร้างสถานการณ์ เพื่อหวังจะเสริมสร้างจิตสำนึกในเรื่องของจิตอาสา พร้อมกับสื่อสารในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมว่าทุกคนสามารถช่วยเหลือส่วนรวมได้โดยไม่ต้องรอผู้มีหน้าที่ และการเคารพความเท่าเทียมกันของมนุษย์ให้กับนักศึกษาน้องใหม่

(2)
ขณะเดียวกัน ทางคณบดีคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยืนยันว่า กิจกรรมดังกล่าวไม่ได้คิดหวังหรือมีการวางแผนที่จะทำให้เป็นข่าวโด่งดังแต่อย่างใด ทั้งในสื่อสังคมออนไลน์และสังคมโดยทั่วไป ทั้งนี้เบื้องต้นทราบว่า เรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องมาจากมีผู้ปกครองที่มีลูกเป็นนักศึกษาน้องใหม่ของคณะการสื่อสารมวลชนทราบเรื่องนี้จากไลน์กลุ่มของผู้ปกครองด้วยกันที่มีการโพสต์รูปภาพและคลิปวิดีโอ พร้อมเรื่องราวไว้แล้วรู้สึกประทับใจ จึงนำไปเผยแพร่ต่อจนกระทั่งเป็นกระแสดังกล่าว

(3)

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น