ทางหลวงรับทำช้า สะพานไชยสถาน ต้องปิดถนนให้ใช้ทางเบี่ยง ขาออกเมืองฯคาดปี 60เสร็จ

3

ก่อสร้างสะพานลอยไชยสถาน งานล่าช้ากว่าแผนมาก กรมทางหลวงแจง สิ้นสุดสัญญาเดือนตุลาคมงานไม่เสร็จแน่นอน ฟันธงมกราคม 60 จะเสร็จทั้งโครงการ เผยปัญหาส่วนหนึ่งมาจากท่อประปา สายสื่อสาร กว่า 2 ปี ยังย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างไม่ได้ ส่วนตัวสะพานข้ามซูเปอร์ไฮเวย์เริ่มก่อสร้างเพื่อเชื่อมต่อกันแล้ว แจงเพื่อความปลอดภัยต้องปิดถนนด้านขาออกเมืองเชียงใหม่ เปิดทางเบี่ยงให้ใช้ วอนผู้สัญจรผ่านใช้ความระมัดระวังช่วงตัดเข้าทางเบี่ยง คาดต้องใช้ทางเบี่ยงนานกว่า 2 เดือน นายช่างโครงการฯ ยืนยันจะเร่งงานเพื่อให้แล้วเสร็จไม่เกินมกราคม 2560
ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายรัฐพงษ์ เลิศสุวรรณไพศาล นายช่างโครงการก่อสร้างสะพานลอยที่จุดตัดทางหลวงหมายเลข 11 กับทางหลวงหมายเลข 121 จ.เชียงใหม่ แถลงถึงการดำเนินการตามโครงการก่อสร้าง ว่า โครงการก่อสร้างสะพานลอยที่จุดตัดทางหลวงหมายเลข 11 กับทางหลวงหมายเลข 121 จ.เชียงใหม่ หรือสะพานลอยบริเวณใกล้ๆ โรงเรียนช่องฟ้า-ซิงเซิง ซึ่งทำการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2557 จุดก่อสร้างตามโครงการนี้มี 2 จุด บนทางหลวงหมายเลข 121 หรือถนนวงแหวนรอบ 3 ตัดกับถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ใกล้กับเทศบาลตำบลไชยสถาน โรงเรียนช่องฟ้า-ซิงเซิง อีกจุดเป็นการก่อสร้างบริเวณทางแยกกองทราย จุดตัดวงแหวนรอบ 3 กับ ถนนเชียงใหม่-ลำพูน สายเก่า เป็นการก่อสร้างสะพานลอย การก่อสร้างขยายทางแยก ก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ และขยายช่องทางจราจรเป็น 4 ช่องทางเชื่อมระหว่างแยกกองทรายจรดสะพานลอยไชยสถาน

สำหรับรายละเอียดโครงการ โครงการนี้ชื่อโครงการก่อสร้างสะพานลอยที่จุดตัดทางหลวงหมายเลข 11กับทางหลวงหมายเลข 121 จ.เชียงใหม่ สัญญาเลขที่ สส. 1/2558 ลว. 11 พฤศจิกายน 2557 เป็นงานก่อสร้างมาตรฐานทางระดับ ชั้นพิเศษ จุดเริ่มต้น ทล.121 กม. 8+200.000 จุดสิ้นสุดโครงการฯ กม. 11+125.000 วันเริ่มต้นสัญญา วันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 วันสิ้นสุดสัญญา วันที่ 31 ตุลาคม 2559 ระยะเวลาทำการ 720 วัน ค่างานตามสัญญา 343,927,870.33 บาท โดยมีค่าปรับวันละ 859,819.68 บาท และมี บริษัท สยามพันธุ์วัฒนา จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับจ้างทำการก่อสร้าง

“โครงการนี้จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 31 ต.ค.59 นี้ แต่คาดว่างานก่อสร้างตามโครงการจะไม่แล้วเสร็จ คาดว่าจะเสร็จราวเดือนมกราคม 2560 โดยภาพรวมแล้วการก่อสร้างตามโครงการฯ ในเวลานี้จะต้องมีผลงานสะสมตามแผนงานอยู่ที่ 95.924 เปอร์เซ็นต์ แต่การทำการก่อสร้างได้จริงขณะนี้มีผลงานสะสมอยู่ที่ 60.059 เปอร์เซ็นต์ การก่อสร้างช้ากว่าแผนงาน 35.965 เปอร์เซ็นต์ เหตุที่งานก่อสร้างช้ากว่าแผนมีปัจจัยหลายประการทั้งมีการปรับเปลี่ยนแบบ เนื่องจากพื้นที่ก่อสร้างผ่านบริเวณชุมชนและเขตโบราณสถาน รวมถึงการย้ายสาธารณูปโภคออกจากบริเวณก่อสร้าง ทั้งท่อประปา สายสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ซึ่งขณะนี้การย้ายออกจากบริเวณก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ” นายรัฐพงษ์ เลิศสุวรรณไพศาล แจง

“โดยเฉพาะบริเวณแยกกองทรายซึ่งส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ทั้งเรื่องของต้นยางนา สาธารณูปโภคต่างๆ เจ้าของยังไม่มีการย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้าง การทำงานจึงล่าช้าและเป็นไปด้วยความยากลำบาก แม้ว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จบริเวณแยกกองทรายผู้ที่สัญจรผ่านต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากงานด้านวิศวกรรมในการก่อสร้างไม่สามารถทำให้การก่อสร้างบริเวณแยกกองทรายมีความปลอดภัยไปได้มากกว่าที่ก่อสร้างได้กว่านี้ เนื่องจากการที่ต้องอนุรักษ์ต้นยางนาไว้ จึงมีต้นยางนาส่วนหนึ่งที่ยืนต้นอยู่กลางแยกกองทราย” นายช่างโครงการฯ กล่าว

นายรัฐพงษ์ เลิศสุวรรณไพศาล แจงอีกว่า การก่อสร้างที่สำคัญช่วงนี้จะอยู่ที่บริเวณการก่อสร้างเชื่อมตัวสะพานลอยช่วงผ่านทางหลวงหมายเลข 11 ซึ่งการก่อสร้างบริเวณนี้มีความจำเป็นที่จะต้องปิดช่องทางการเดินรถ และเปิดเดินรถโดยใช้ทางเบี่ยง ฝั่งที่ออกจากตัวเมืองเชียงใหม่จะเริ่มตั้งแต่ช่วงหน้าโรงเรียนซิงเซิงโดยให้เบี่ยงออกด้านขวาใช้ 2 ช่องทางเดินรถซึ่งเป็นช่องทางขาเข้าเชียงใหม่เดิมราว 800 เมตรจึงจะวกกลับเข้าทางขาออกเชียงใหม่เดิม ส่วนด้านที่มาจากลำพูนจะต้องเบี่ยงออกทางด้านซ้ายของทางเริ่มบริเวณหน้าโกดังนิ่มซี่เส็งซึ่งมีก่อสร้างทางที่จะแยกไปอำเภอหางดงตามโครงการฯ จะใช้เป็นทางเบี่ยง 2 ช่องทางแทนทางขาเข้าเมืองเชียงใหม่เดิมราว 800 เมตร ยาวถึงหน้าโรงเรียนซิงเซิงจึงจะวกกลับเข้าทางขาเข้าเชียงใหม่เดิม โดยจะเริ่มปิดทางหลักและเปิดให้รถสัญจรโดยใช้ทางเบี่ยงตั้งแต่ช่วงบ่ายวันนี้ (9 ส.ค.59) เป็นต้นไป และจะใช้เวลาในการก่อสร้างเพื่อเชื่อมตัวสะพานลอยในช่วงตัดถนนซูปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง และเปิดให้ใช้ทางแบบเดิมได้อย่างเร็วที่สุด 2 เดือน เนื่องด้วยมีปัจจัยที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างหลายปัจจัย

“ทางเบี่ยงก็จะเป็น 2 ช่องทางเดินทั้ง 2 ทางเบี่ยง แต่รถจะต้องชะลอบ้างในช่วงที่จะเข้าทางเบี่ยง ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมของรถได้ อาจทำให้รถชะลอตัวและจะส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดได้โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วนซึ่งบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 มีปริมาณรถที่สัญจรผ่านในปริมาณที่มากในทุกวัน ส่วนปัญหาเกี่ยวกับสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ยังย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างไม่ได้ มีการประสานและเร่งรัดกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของ ทั้งประปา และงานสื่อสารทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน มานานพอสมควร แต่ได้รับแจ้งว่ายังติดขัดเรื่องงบประมาณและการให้บริการประชาชน ซึ่งมีการนัดหารือร่วมกันอีกครั้งในวันนี้ (11 ส.ค.59) คาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าแต่ละหน่วยงานจะดำเนินการย้ายสาธารณูปโภคให้แล้วเสร็จได้เมื่อใด” นายรัฐพงษ์ เลิศสุวรรณไพศาล นายช่างโครงการฯ กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น