“เที่ยวแล้วได้อะไร มีแต่เสียเงิน น่าจะเอาไปทำอะไรอย่างอื่นที่มีประโยชน์ดีกว่าไหม” สำหรับคนที่ชอบเที่ยว คำพูดนี้อาจได้ยินกระแทกหูอยู่บ่อยๆจากผู้หลักผู้ใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีคนที่แสวงหาประโยชน์จากการท่องเที่ยวจนกลายเป็นกำไรให้กับตัวเองเป็นจำนวนมาก หนึ่งในตัวอย่างนั้นก็คือ “วีรภัทร คันธะ” หรือ “แดเนียล” ที่ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการบริหาร ให้กับเว็บไซต์ต่างชาติอย่าง Saleduck โดยวีรภัทร เป็นนักเที่ยวตัวยงมาตั้งแต่สมัยเรียน และกล้าประกาศตัวเองว่ามีวันนี้ได้ เพราะว่าชอบเดินทางท่องเที่ยว เรียนมาเยอะแต่พูดไม่ได้ซักที
วีรภัทร เปิดเผยว่าตั้งแต่สมัยเด็กนั้น ทางบ้านสนับสนุนให้เรียนภาษาอังกฤษมาตลอด ตั้งแต่ตอนที่เรียนในโรงเรียนระดับประถมศึกษา ก็เรียนกับอาจารย์ชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารได้อย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว
“ปัญหาของผมคือว่า ผมพูดได้แต่ประโยคพื้นฐานทักทาย และคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากระบบการเรียนที่เน้นการท่องจำ และเน้นไวยากรณ์มาก ยิ่งเรียนก็ยิ่งงง เพราะเราไม่มีพื้นฐานการพูดมาก่อน พอบทเรียนแอดวานซ์มากขึ้น คุณครูพูดอะไรมายาวๆเราแปลไม่ออกเลย เพราะเราพยายามแปลเป็นคำๆ คำไหนแปลไม่ออกนี่จบเลย เพราะฟังแล้วไม่เข้าใจ”
“พอเรียนจบชั้นประถมตอนนั้น เกรดอังกฤษผมอยู่ในเกณฑ์ดีนะ แต่ดีแค่เกรดเท่านั้น เพราะผมเรียนมาเพื่อทำข้อสอบ ถ้าข้อสอบถามแบบนี้ ต้องตอบแบบนี้ แต่ถ้าสนทนาไม่ได้มันก็ไม่มีความหมายอะไร”
อยากไปต่างประเทศ คือจุดเริ่มต้นพัฒนาตัวเอง
“ตอนมัธยมผมไปเข้าค่ายที่คัดเลือกเด็กไปต่างประเทศ ผมมาถึงรอบสุดท้ายที่ต้องสัมภาษณ์กับกรรมการ แต่ผมพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้จะต้องเรียบเรียงคำยังไง เค้าถามอะไรมาตามสำเนียงเค้า ผมฟังไม่ออก จับใจความไม่ได้เลย วันนั้นออกมาผมร้องไห้เลยว่าทำไมเราฟังอะไรไม่เข้าใจเลย เกรดที่เคยเห็นมันคงเป็นแค่ภาพลวงตา หลังจากนั้นผมก็ไปลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษตามสถาบันต่างๆ เริ่มเปิดใจกล้าคุยกับชาวต่างชาติมากขึ้น แต่โอกาสที่จะได้พูดแบบนั้นมีน้อย เพราะสมัยนั้นเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต หรืออะไรมันยังไม่เอื้ออำนวยให้เราสามารถคุยกับชาวต่างชาติได้สะดวกแบบปัจจุบัน ตอนนั้นบอกเลยว่าที่พยายามทำทุกอย่างก็เพราะอยากไปต่างประเทศ จะไปเที่ยว ไปเรียน หรือทำอะไรก็ได้ ขอแค่ได้ไปต่างประเทศเท่านั้น”
เริ่มสนทนาภาษาอังกฤษได้เมื่อออกไปเที่ยว
“สุดท้ายฝันผมเป็นจริงตอนเรียนมหาวิทยาลัย โดยตอนนั้นผมเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจากการฝึกงาน จึงได้พาตัวเองออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ช่วงนั้นทำการบ้านหนักมาก เพราะเส้นทางที่เริ่มไปนั้นเรียกได้ว่าโหดเอาการ คือเส้นทางลาว-เวียดนาม-จีน-ทิเบต ซึ่งยุคประมาณ10 ปีที่แล้ว มือถือและอินเตอร์เน็ตยังไม่ทั่วถึงเหมือนทุกวันนี้ ประกอบกับการหาข้อมูลที่ต้องอาศัยเวลาเยอะ พอเริ่มเดินทางจริงก็ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะทุกๆที่ ที่ไป เราจะได้รู้จักคนใหม่ๆอยู่เสมอ เค้าทักเราก่อนบ้าง เราทักเค้าก่อนบ้าง เริ่มคุย เริ่มสนทนากับเพื่อนใหม่ๆตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นบนรถบัส หรือโฮสเทลต่างๆ คำไหนพูดไม่ได้เราก็ใช้ภาษามือ คือสุดท้ายเราก็คล่องมากขึ้น”
ได้งานเพราะชอบเดินทางตลอดเวลา
“หลังจากเที่ยวต่างประเทศครั้งนั้นเป็นครั้งแรก ก็เหมือนเสพติดการเที่ยวเลยครับ พยายามหาทริปเที่ยวต่างประเทศทุกครั้งที่มีโอกาส ได้เที่ยวรอบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปทรานไซบีเรีย ไปญี่ปุ่นและอีกหลายที่ แต่จะเป็นทริปแบบแบกเป้เสมอ เพราะประหยัด และจะได้เจอเพื่อนใหม่ๆชาวต่างชาติทุกครั้ง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ภาษาตัวเองพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะการที่ได้มานั่งแชร์กับเพื่อนใหม่ว่าแต่ละวันเจออะไรมาบ้าง และได้แนะนำทริปต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ พอจบการสนทนา ทุกคนมักจะบอกว่าฟังเรารู้เรื่อง เข้าใจ ก็ยิ่งทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้พูดคล่องขึ้นไปอีก
จนเรียนจบมาก็ได้งานเป็นนักข่าวที่ต้องเดินทางตลอดเวลา ทำคอนเทนต์ทั้งท่องเที่ยว อาหารการกิน รวมถึงสัมภาษณ์คนต่างชาติในหลายประเด็น ทำอยู่เป็นปี จนล่าสุดก็ได้มาทำงานที่ต่างประเทศกับบริษัท Saleduck ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพคูปองส่วนลดสินค้าและบริการทุกๆอย่าง เช่นส่วนลดที่พักและตั๋วเครื่องบิน หรือสินค้าต่างๆจำนวนมาก โดยมีสำนักงานอยู่ที่มาเลเซีย ชีวิตผมทุกวันนี้เรียกได้ว่ามีความสุขมาก เพราะสามารถใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อการสื่อสารจนถึงระดับทำงานร่วมกับคนต่างชาติได้ โดยตอนนี้ตนเองเป็นคนไทยเพียงคนเดียวในออฟฟิศอีกด้วย
เที่ยวแล้วได้อะไรมากกว่าที่คิดอย่างแน่นอน
วีรภัทรปิดท้ายว่า ผู้ใหญ่หลายคนอาจมองไม่เห็นว่าเที่ยวแล้วมีประโยชน์ แต่สำหรับผมการเที่ยวไม่ใช่การเดินทางไปเพื่ออวดว่าฉันได้ไป หรือไปเพื่อซื้อของฝากของกิน แต่มันคือโอกาสที่จะได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกับการเรียนรู้และเข้าใจศิลปะและวัฒนธรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมของประเทศที่เราไป วัฒนธรรมของชาวต่างชาติที่เราพบเจอและเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ผมเรียกตรงนี้ว่ามันคือประสบการณ์และกำไรของชีวิต ที่มีเพียงเงินก็หาซื้อไม่ได้อย่างแน่นอน
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเที่ยวทำให้เราพัฒนาภาษาได้ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่เฉพาะเพียงภาษาอังกฤษ แต่รวมถึงภาษาอื่นๆด้วย ถ้าหากว่าตัวเองเที่ยวและจัดการพูดคุยด้วยภาษานั้นตลอดระยะเวลาที่เดินทางท่องเที่ยว ซึ่งหากย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้ว ที่ตัดสินใจออกเดินทางครั้งแรก ก็คิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด เพราะเชื่อว่าภาษาและประสบการณ์ของตัวเองที่พัฒนามากขึ้นนั้น เป็นเพราะการออกไปท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
ร่วมแสดงความคิดเห็น