บุกจับทลายโกดังแปรรูปไม้เถื่อนกลางเมืองเชียงใหม่ พบไม้หลากหลายชนิด รวบคนดูแลส่งเข้าคุก

2431
จับไม้เถื่อน…….กำลังฝ่ายปกครองและสมาชิก อส.อ.เมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ บูรณาการร่วมกันเข้าตรวจค้นโกดังแปรรูปไม้ย่านถนนห้วยแก้ว พบไม้แปรรูปแล้วเป็นจำนวนมาก ผู้อ้างเป็นผู้ดูแลโกดังนำหลักฐานแสดง ผลการตรวจสอบไม่ตรงกันกับไม้ที่ตรวจค้น รวบส่งตำรวจดำเนินคดี

ทลายโกดังแปรรูปไม้กลางเมืองเชียงใหม่ พบไปแปรรูปทั้งไม้สัก ไม้ชิงชัน ไม้ประดู่ เป็นจำนวนมาก เจ้าของโกดังหอบหลักฐานไม้ชี้แจง ผลการตรวจสอบไม่ตรงกับกองไม้ที่ตรวจพบทั้งจำนวนและชนิดประเภทไม้ รวบทั้งผู้ดูแลโกดังทั้งคนแปรรูปไม้ส่ง สภ.ภูพิงค์ฯ ดำเนินคดี 2 ข้อหาใหญ่ ตั้งโรงงานแปรรูปไม้และมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

วันที่ 17 ก.ย.59 เวลา 15.30 น. นายศรัณยู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ สั่งการให้ นายศิริพงษ์ นำภา ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยสมาชิก อส.ร้อย ชม.2 อ.เมืองเชียงใหม่ สนธิกำลังกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.ท.อมรพงษ์ พงษ์สุวรรณ รอง ผกก.สส.สภ.ภูพิงค์ อ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.ท.จิตรภณ สมหมาย หน.ชป.ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ป่าไม้ นำโดย นายสายพิน เปียสวน หัวหน้าฝ่ายป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ร่วมกันบุกเข้าตรวจค้นโรงงานแปรรูปไม้ไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ซอย 3 ถ.ห้วยแก้ว ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ด้านหลังโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ

ขณะเข้าทำการตรวจค้น พบชาย 2 คน กำลังทำการแปรรูปไม้ ทางเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมทันที และขอตรวจสอบเอกสารการครอบครองไม้ทั้งหมดที่มีในพื้นที่ดังกล่าว ทราบชื่อชายทั้งสองคนในเวลาต่อมา คือ นายกมล ทิพย์คำมา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 2 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และนายธีรพันธ์ วงศ์มูล อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ที่ 2 ต.บ้านแหวน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ โดยทั้ง 2 ให้การว่า ได้รับจ้างมาทำการแปรรูปไม้ เพื่อทำประตู ต่อมาได้ติดต่อคนดูแลโกดังที่เกิดเหตุ ซึ่งมี นายแรม ภู่กำเนิด อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/1 ถ.ป่าตันงาม ต.ป่าตัน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้แสดงตัวว่าเป็นผู้ดูแลโกดังดังกล่าว พร้อมกับได้นำหลักฐานการครอบครองไม้ และหลักฐานต่างๆ มาแสดง ทั้งทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเอกสารที่นำมาแสดงเปรียบเทียบกับชนิดและปริมาณไม้ที่ตรวจพบในโกดัง ซึ่งพบว่าไม่ตรงกับเอกสารที่นำมาแสดง จึงได้จับกุมตัวทั้ง 3 คน พร้อมกับตรวจยึดไม้แปรรูปแล้ว ทั้งที่เป็นไม้สัก ไม้ประดู และไม้ชิงชัง จำนวนมากภายในโกดัง และเครื่องเลื่อยสายพาน เครื่องเครื่องใสชิด เครื่องใสไม้ เลื่อยวงเดือน ไว้เป็นหลักฐาน

นายสายพิน เปียสวน หัวหน้าฝ่ายป้องกันรักษาป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) เปิดเผยว่า ในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองว่าได้ตรวจพบโกดังแปรรูปไม้ดังกล่าว ซึ่งมีไม้ไว้ในความครอบครองจำนวนมาก จึงมีการบูรณาการและสนธิกำลังเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ ผลปรากฏว่าหลักฐานที่ผู้ดูแลนำมาแสดงกับไม้ที่ตรวจพบไม่สอดคล้องกัน เนื่องจากไม้ที่แปรรูป และเอกสารเป็นไม้มีขนาดและชนิดประเภทที่แตกต่างกัน เพียงแต่ระบุว่าเป็นของโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ให้นำไม้มาไว้ที่โกดังแห่งนี้ รวมถึงผู้ดูแลไม่สามารถบอกได้ว่าไม้กองไหนนำมาจากที่ใด การนำเข้าก็ไม่ชัดเจน เมื่อขอตรวจสอบเรื่องเอกสารการตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ไม่สามารถนำมาแสดงได้ รวมถึงใบอนุญาตการใช้เครื่องเลื่อยไม้ เลื่อยยนต์ ก็ไม่มีนำมาแสดง โดยปกติแล้วต้องขออนุญาต จึงได้แจ้งข้อหาให้กับผู้ต้องหาทั้งหมดในฐานความผิด ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต และในฐานความผิด มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงค์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น