ใช้ผักตบชวาเลี้ยงสัตว์ อาจช่วยลดต้นทุนผลิต

กำจัดผักตบ (1)กลุ่มงานวิเคราะห์อาหารสัตว์ กองอาหารสัตว์ กรมปศุสัตว์ ระบุว่าจากนโยบายในการจัดการผักตบชวา ให้เกิดประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ สังคม ของภาครัฐฯ ดังนั้นกรมฯได้มอบหมายให้กลุ่มงานฯ สุ่มเก็บตัวอย่างผักตบชวามาวิเคราะห์ หาคุณค่าทางอาหารของผักตบชวา ซึ่งจัดเป็นพืชน้ำลักษณะใบเป็นประเภทใบเดี่ยว เจริญเติบโตได้ง่ายทั้งในที่น้ำตื้น น้ำขัง หรือ น้ำมีการไหลถ่ายเทได้ เช่น แม่น้ำลำคลองบึงต่างๆ ผักตบชวา เป็นพืชที่สามารถขยาย หรือ แพร่พันธุ์ได้รวดเร็วมาก

และจากอุปสรรคปัญหาเกือบทุกแหล่งที่มีผักตบชวา พบว่ามีความยากลำบากใน การกำจัดและยังเป็นสาเหตุให้น้ำ ไหลถ่ายเทได้ช้า ทั้งยังเป็นการกีดขวางการจราจรทางน้ำด้วย จากเหตุผลดังกล่าว จึงได้มีการส่งเสริมให้นำผักตบชวามาใช้ประโยชน์ ในรูปแบบต่างๆกัน เช่นการนำมาทำเป็นเครื่อง หัตถกรรมได้แก่ กระเป๋าหมวก ใช้เป็นเชื้อเพลิงปุ๋ยหมัก

แม้จะมีการ นำมาใช้ประโยชน์ ในด้านต่างๆผักตบชวาก็ยังคงเป็นปัญหาด้านมลภาวะอยู่ดี ดังนั้น ประเทศต่างๆรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งประสบปัญหานี้ จึงทดลองนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนอาหารหยาบคุณภาพดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ช่วงฤดูแล้งเป็นการช่วยลดต้น ทุนค่าอาหารสัตว์ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ต้นผักตบชวาสด (ใบรวมก้านใบ) มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่สูงถึง 90% มีโปรตีน 1% เถ้า 1.4% และเยื่อใย ต้นผักตบชวาสดมีคุณค่าทางอาหารสัตว์ต่ำ แต่เมื่อนำไปตากแห้งพบว่าคุณภาพจะสูงขึ้น ผักตบชวาแห้งทั้งส่วน ใบ และ ก้าน มีแคลเซี่ยมประมาณ 2% ฟอสฟอรัส ประมาณ 0.5% และไลซีน 6.7 กรัมต่อโปรตีน 100 กรัม จะเห็นได้ว่าผักตบชวามีคุณค่าทางอาหารสัตว์จัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะมีโปรตีนไลซีน และแคโรทีนสูง อีกทั้งยังมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส อยู่ในระดับเท่าที่มีอยู่ในพืชอาหารสัตว์ทั่วไปอีกด้วย หากนำผักตบชวามาใช้เลี้ยงสัตว์ สามารถใช้ได้หลายรูปแบบ ใช้ในรูปพืชสด โดยนำมาหั่นเป็นท่อนสั้นๆผสมรวมกันรำ ปลายข้าว หรือ ต้มกับรำปลายข้าว และเศษอาหารจากครัวเรือน ใช้ในรูปผักตบชวาแห้งก็ได้ ซึ่งคาดว่าแนวทางส่งเสริมผักตบชวามาใช้เลี้ยงสัตว์น่าจะได้รับความนิยมในอนาคตอย่างแน่นอน

ร่วมแสดงความคิดเห็น