เที่ยวเหนือสุดของเชียงรายที่ชายแดน “แม่สาย”

บรรยากาศอันคึกคักที่ตลาดท่าขี้เหล็ก
บรรยากาศอันคึกคักที่ตลาดท่าขี้เหล็ก

ช่วงเทศกาลวันหยุดแต่ละปีของแต่ละคน คงมีรสชาติและความทรงจำที่แตกต่างกันออกไป

ผมจำได้ว่าปีที่แล้วไม่ได้ออกไปเที่ยวไหน เพราะเบื่อรถติด จนมาปีนี้มีความคิดเข้ามาในสมองว่าจะลองขยับตัวเองเดินทางขึ้นไปยังจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศดูบ้าง เผื่อว่าจะได้เจออะไรแปลกใหม่ทั้งวิถีชีวิตของผู้คนระหว่างสองประเทศ และการค้าชายแดนที่คึกคักรับวันปีใหม่อันเป็นการเพิ่มสีสันให้กับชีวิตดีไม่น้อย

บางครั้งเมื่อมีวันหยุดติดต่อกันหลายวันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะไปเที่ยวไหนดี เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเข้าป่าไปหาธรรมชาติ “ชาร์ทแบตเตอร์รี่” ให้กับตัวเอง แต่มาลองนึกดูอีกที ต้องมีคนอีกหลายคนเดินทางเข้าป่าเช่นเดียวกันผม แล้วธรรมชาติที่เราฝันหาก็คงสับสนไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่แห่เดินทางมาเหมือนกัน คิดได้อย่างงี้ผมเลยเลือกที่จะเดินทางไปจังหวัดเชียงราย อย่างน้อยก็หลีกหนีจากผู้คนที่เดินทางเข้าป่ากันบ้างละ

จากเชียงใหม่เดินทางไปเชียงรายเดี๋ยวนี้ใช้เวลาเดินทางแป๊บเดียว ระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ถ้าจะขับรถไปกันจริงเอาแบบสบาย ๆ ก็ไม่เกิน 3 ชั่วโมง เมื่อมาถึงตัวเมืองเชียงรายก็ขับรถเลยขึ้นเหนือไปอีกประมาณ 60 กิโลเมตรถึงอำเภอแม่สาย เมืองที่ถือว่าเจริญเติบโตขึ้นมาได้ด้วยเศรษฐกิจของการค้าระหว่างชายแดน เพราะที่แม่สายมีสินค้าต่าง ๆมากมายทั้งจากในประเทศและต่างประเทศวางจำหน่าย ว่ากันว่านี่เป็นตลาดจำหน่ายสินค้าที่สำคัญจากอินโดจีน

ประตูสู่พม่า
ประตูสู่พม่า

เมื่อมาถึงแม่สายผมจัดแจงยื่นหนังสือเดินทางหรือใบผ่านแดนชั่วคราวเข้าประเทศพม่า ใบผ่านแดนนี้เป็นการทำสัญญาร่วมกันระหว่างจังหวัดชายแดนต่าง ๆ ของพม่ากับประเทศไทย เพียงแค่เสียเงินราว 50 บาทก็สามารถเดินยืดอกเข้าไปในดินแดนแห่งทองคำหรือประเทศพม่าได้อย่างสบายใจ แค่เดินข้ามสะพานมาก็ถึงจังหวัดท่าขี้เหล็กแล้ว สำหรับนักท่องเที่ยวที่เป็นขาชอปปิ้งก็มักจะแวะเลี้ยวเข้าตลาดสินค้าปลอดภาษีซึ่งอยู่ติดกับชายแดน ที่นี่มีสินค้าจำหน่ายมากมาย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าที่มาจากประเทศแถบอินโดจีน รวมไปถึงเทปเพลง ซีดีเพลง สินค้าต่าง ๆ ที่นำมาวางจำหน่ายเหล่านี้บางชนิดก็มีคุณภาพต่ำกว่ามาตราฐานการซื้อจะต้องเลือกให้ดี ส่วนสนนราคาก็ตามเนื้อผ้า

เหตุที่ต้องดั้นด้นเดินทางข้ามแดนเข้าไปในพม่า ไม่ใช่เพราะผมจะเข้าไปหาซื้อสินค้าปลอดภาษีหรอกนะ แต่อยากเข้าไปดูวิถีชีวิตและมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในพม่ามากกว่า

ผมใช้เวลาในการเดินเที่ยวในตลาดสินค้าปลอดภาษีไม่นานนักก็เดินทะลุออกมาด้านหลังของตลาด ที่นี่เองจะมีรถสามล้อถีบรับจ้างที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เข้าไปเที่ยวในตัวจังหวัดท่าขี้เหล็กที่อยู่ไม่ไกลจากชายแดนมากนัก สารถีสามล้อทุกคนนอกจากจะตะโกนหาลูกค้าแล้ว ในมือของแต่ละคนยังมีรูปถ่ายของสถานที่ท่องเที่ยวในท่าขี้เหล็กผมตกลงราคาค่าจ้างกับสารถีในราคา 60 บาทคือไป 30 กลับ 30

สองข้างทางถนนสายท่าขี้เหล็ก
สองข้างทางถนนสายท่าขี้เหล็ก
สามล้อรับจ้าง
สามล้อรับจ้าง

สำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวท่าขี้เหล็กนั้นวิธีเดินทางที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นการอาศัยรถสามล้อมถีบ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก สนนราคาก็แล้วแต่ว่าจะตกลงกัน ส่วนใครที่ชอบความรวดเร็วอาจจะเหมามอเตอร์ไซด์รับจ้าง ซึ่งก็มีราคาแพงอีกหน่อย สาเหตุที่ผมเลือกนั่งรถสามล้อถีบนั้นก็เพื่อต้องการชมบ้านเมืองและซึมซับธรรมชาติริมสองฝั่งถนนนั่นเอง

ประมาณ 10 นาที สารถีคนเดิมก็นำผมมาถึงองค์พระธาตุเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งจำลองมาจากเมืองย่างกุ้ง เจดีย์ชเวดากองจำลององค์นี้ตั้งอยู่บนเนินเขา เมื่อเวลาขึ้นไปแล้วสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองท่าขี้เหล็กได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นฝั่งอำเภอแม่สาย ประเทศไทยอีกด้วย เมืองท่าขี้เหล็กนี้ดูไปดูมาก็คล้ายกับเมืองเชียงใหม่เหมือนกัน แต่เป็นเมืองเชียงใหม่เมื่อราว 30 ปีที่แล้ว จะว่าไปเมืองท่าขี้เหล็กก็เจริญไม่เบาตึกรามน้อยใหญ่รวมถึงโรงแรมชั้นดีก็เกิดขึ้นที่นี่ ทั้งนี้อาจจะมาจากการที่รัฐบาลพม่าได้ประกาศให้ปี 2539 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวพม่าดังนั้นโรงแรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการรองรับจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวพม่านั่นเอง

หลังจากที่ผมสักการะเจดีย์ชเวดากอง(จำลอง)แล้วก็นั่งรถต่อมายังอนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งเป็นวีระบุรุษของชาวพม่า ซึ่งน่าจะคล้ายกับสมเด็จพระนเรศวรฯของประเทศไทย นอกจากนี้ที่ฝั่งตรงข้างถนนยังมีอนุสาวรีย์อีกแห่งหนึ่งเป็นแท่งสูง คืออนุสาวรีย์อะไรผมก็ไม่ทราบมองดูน่าจะเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับทหารพม่ามากกว่า จากนั้นสารถีก็นำผมมาส่งที่ท่ารถที่เดิม โดยใช้เวลาทั่งหมดในการเที่ยวจังหวัดท่าขี้เหล็กของพม่ากว่า 2 ชั่วโมง ผมถือว่าเงิน 60 บาทที่เสียไปกับเวลา 2 ชั่วโมงนั้นเป็นสิ่งคุ้มค่าที่หาโอกาสเช่นนี้ได้ไม่บ่อยนัก

สินค้าพื้นเมืองในตลาดท่าขี้เหล็ก 1
สินค้าพื้นเมืองในตลาดท่าขี้เหล็ก 1
บรรยากาศอันคึกคักที่ตลาดท่าขี้เหล็ก
บรรยากาศอันคึกคักที่ตลาดท่าขี้เหล็ก

ก่อนจะออกจากเมืองท่าขี้เหล็กผมแวะเข้าไปยังร้านของการท่องเที่ยวพม่าเพื่อดูว่า ในประเทศพม่ายังมีสถานที่ไหนที่น่าสนใจอีก ซึ่งสิ่งที่ผมได้ก็คือเอกสารของการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าแก่นักเดินทางมาก ในเอกสารนั้นบอกสถานที่ท่องเที่ยวในพม่ามากมาย ราคาที่พักของโรงแรมในพม่าและราคาค่าเดินทางโดยรถประจำ นอกจากนั้นยังสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองเชียงตุงและเมืองยองได้ด้วย สามารถใช้บริการได้ที่นี่ โดยต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 10 เหรียญ Us หรือประมาณคนละ 400 บาท และเสียค่าเดินทางอีกคนละ 30 เหรียญต่อเที่ยว หรือ 1,200 บาท ซึ่งทางพม่าอนุญาตให้เข้าไปค้างได้ถึง 15 วัน โดยมีข้อแม้ว่า จะต้องเข้าพักในโรงแรมที่มีใบอนุญาตสำหรับชาวต่างประเทศ ถ้าเช่ารถพม่าต้องเช่ารถที่มีใบอนุญาตรับ – ส่งชาวต่างประเทศเท่านั้นและห้ามเดินทางโดยรถประจำทางและรถที่ไม่มีใบอนุญาตรับ – ส่งชาวต่างประเทศ

สนใจลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คณะกรรมการบริษัทของโรงแรมและการท่องเที่ยว เลขที่ 77/91 ถนนเจดีย์สุเล กรุงย่างกุ้ง สหภาพพม่า โทรศัพท์ 95-1-286024 ,285689

หมายเหตุ เดี๋ยวนี้สินค้าที่ขายในตลาดอำเภอแม่สายก็คล้ายกับสินค้าที่ขายฝั่งพม่า สนนราคาอาจจะถูกกว่าด้วยซ้ำ ที่สำคัญสินค้าฝั่งพม่ามักจะมีการยัดใส้ แถมเวลาจะตามเข้าไปเปลี่ยนก็ยุ่งยาก กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสียเวลาไม่น้อย ซื้อสินค้าฝั่งไทยดีกว่าเงินตราไม่ออกนอกประเทศ ที่สำคัญสินค้าก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ

หนุ่มชาวพม่าหาเวลาว่างจากการขายสินค้ามานั่งอ่านหนังสือ
หนุ่มชาวพม่าหาเวลาว่างจากการขายสินค้ามานั่งอ่านหนังสือ

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น