จบชีวิต “กำนันเบิ้ม” ผู้ต้องหาร่วมกันทุจริตลำไยอบแห้ง

%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a2%e0%b8%95

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ รพ.ลำพูน ร.ต.อ.บวร รชฏมายะลา รองสารวัตร ( สอบสวน ) สภ.เมืองลำพูนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำลำพูน ว่ามีนักโทษเสียชีวิต จึงเดินทางไปตรวจสอบพบศพ นาย พากเพียร อิศรางกูล อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 60/1 หมู่ 7.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว เจ้าหน้าที่จึงนำศพไปเก็บไว้ที่แผนกนิติเวช รพ.ลำพูน เพื่อรอให้ญาติมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

สำหรับนายพากเพียร อิศรางกูล หรือกำนันเบิ้ม เป็นผู้ต้องหาคดีทุจจริตลำไยพร้อมกับพวก เมื่อปี พศ.2547หลังจากศาลได้ออกหมายจับนายพากเพียร และได้หลบหนีการจับกุม จนกระทั่งเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา กำนันเบิ้มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลำพูน จับกุมดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันกับพวกสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐทุจริตลำไยอบแห้ง ในพื้นที่ จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ หลังจากรอฟังคำตัดสินคดีจากศาล กำนันเบิ้มมีอาการไม่สู้ดีเนื่องจากป่วยด้วยโรคประจำตัวหลายโรค จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้กำนันเบิ้มได้เสียชีวิตลง

นางติ๋ม อิศรางกูล อายุ 60 ปี ภรรยา กำนันเบิ้ม ให้การว่าหลังจากที่สามีถูกตำรวจจับมาเข้าคุกที่ลำพูน ก็มีอาการไม่สู้ดี เนื่องจากป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดัน จนกระทั่งมาพบโรคเพิ่มเมื่อไม่นานมานี้คือ โรคมะเร็งปอด สามีก็อยากจะประกันตัวออกไปรักษาตัวอยู่ที่บ้าน แต่เนื่องจากสามีหนีหมายศาล เมื่อถูกจับกุมแล้วมาขอประกันตัวศาล จึงมีความเห็นไม่อนุญาต จนกระทั่งมาเสียชีวิตในเรือนจำ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ติดใจเอาความ ก็จะนำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนของคดีเมื่อสามีเสียชีวิตทุกอย่างคงจะจบไปตามกระบวนการของกฎหมาย

ส่วนคดีการทุจริตลำไยนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบช.ภ.5 ดำรงตำแหน่งได้สอบสวนคดีทุจริตลำไยปี 2547 โดยตำรวจได้สอบปากคำเกษตรกรทั้งสิ้น 49,016 ราย พบว่าเกษตรกรไม่ได้นำลำไยไปขายจริงกว่า 4 พันราย มีลำไยที่สวมสิทธิ์เกษตรก รจำนวนกว่า 44 ล้านกิโลกรัม โดยมีพฤติการณ์ต่าง ๆ คือปลอมลายมือชื่อเกษตรกรไปขึ้นทะเบียนผู้ปลูกลำไย 605 ราย สมยอมกับเกษตรกรกว่า1,700 ราย กว้านซื้อจากเกษตรกรกว่า2,000 ราย อ้างตนเป็นเกษตรกรแล้วนำลำไยจากแหล่งอื่นมาขาย 79 ราย ซึ่งเป็นการกระทำผิดฐานฉ้อโกงแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ปลอมเอกสารและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน

โดยในการนี้ยังพบหลักฐานการถอนเงิน โดยให้เกษตรกรลงชื่อมอบฉันทะให้กว่า 3,000 ฉบับรวมเป็นเงินกว่า 160 ล้านบาท จากการตรวจสอบทางเดินของเงินพบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการรับซื้อเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และเป็นผู้รับผลประโยชน์พบหลักฐานเชื่อมโยงกับหน่วยรับซื้อ 39 หน่วยที่เข้าข่ายกระทำผิด พบผู้เข้าข่ายกระทำผิด 546 คน เป็นนักการเมืองระดับท้องถิ่นเข้าพัวพัน 9 คน เจ้าหน้าที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร 57 คน ผู้กระทำผิด จ.เชียงใหม่ 3 หน่วยรับซื้อ และที่ จ.ลำพูน 9 หน่วยรับซื้อ รวมมูลค่าลำไยที่องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรถูกฉ้อโกงในการรับซื้อ ปี 2547 กว่า 495 ล้านบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น