แม่แทคภรันยู แจ้งตำรวจเอาผิดอดีตสามีหมิ่นประมาท

%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1-1แม่ “แทค-ภรันยู” หอบหลักฐานโร่เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ขอดำเนินคดีกับอดีตสามีหลังให้สัมภาษณ์รายการดังหมิ่นประมาท และพูดกล่าวหาจนทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ทั้งตนและลูกชาย ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการรับเรื่องเตรียมตรวจสอบเรียกคู่กรณีมาสอบ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 6 ต.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ นางชนิกา อภิขัย อายุ 53 ปี มารดา นายแทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม ดาราและพิธรกรชื่อดัง ได้เดินทางเจ้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกี่ยกวับกรณีที่นายสมชาย โรจนวุฒิธรรม อดีตสามี ได้ไปให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทตนกับทางรายการทางอินเตอร์เน็ต จนทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งมี พ.ต.ต.วัชรพล ยมเกิด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยทั้งนี้ทางด้าน นางชนิกา ได้มีการนำหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากเว็บไซต์ที่ปรากฎในโลกออนไลน์ ข้อความ และคลิป เข้าแจ้งความ อีกทั้งมีการแชร์ในโลกออนไลน์กันอย่างกว้างขวาง จนเกิดข้อวิพากษวิจารณ์และส่งผลให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

โดยทางด้านนางชนิกา กล่าวว่า สำหรับการเดินทางมาแจ้งความในวันนี้เนื่องจากตนเพิ่งทราบข่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2559 ได้มีเทปรายการ ได้แพร่ภาพวีดีโอ ของนายแทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรมพร้อมด้วยนายสมชาย โรจนวุฒิธรรม บิดา ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์ กับรายการ The Guest ตีสนิทคนดัง ซึ่งได้มีการแพร่ภาพผ่านทาง YOUTUBE ที่ทางรายการได้มีการปล่อยคลิ๊ปเสียงสัมภาษณ์ โดยใช้ชื่อว่า “คลิปที่ไม่ได้ออกอากาศ! อะไรที่ทำให้พ่อแทค ภรัณยู เสียน้ำตาขนาดนี้ The Guest ตีสนิทคนดัง” (https://www.youtube.com/watch?v=IKx1x6djn8c) โดยทาง นายสมชาย ได้ให้สัมภาษณ์กล่าวหาตนว่าไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูลูก ซึ่งตนอยากจะชี้แจงว่าตั้งแต่เลิกรากันไป ตนก็ได้มีการส่งเสียเงินให้เรื่อยมา นอกจากนี้นายสมชายได้พูดกล่าวหาว่าตนไปมีคนอื่น ซึ่งคำพูดดังกล่าวไม่เป็นความจริง และทำให้ตนรู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงได้เดินทางเข้ามาแจ้งความเพื่อให้มีการดำเนินคดี

อย่างไรก็ตามทางด้าน พ.ต.ต.วัชรพล ยมเกิด พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการบันทึกหลักฐานและคำให้การของทางผู้เจ้าแจ้งความแล้ว และจะได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนโดยการนำหลักฐานเป็นไฟล์ของรายการดังกล่าวมาตรวจสอบ ก่อนที่จะได้มีการติดต่อคู่กรณีมาสอบสวนตามขึ้นตอนและหากสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริงก็จะต้องดำเนินการซึ่งถือว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทจนทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และเข้าสู่ระบบของกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น