“รูน”ยังไหว ไม่อำลาสิงโต เล่นต่อถึงบอลโลก

475699d297afae315ef802312426354e_lเวย์น รูนี่ย์ เผยยังไม่มีความคิดจะอำลา “สิงโตคำราม” อังกฤษ ในช่วงนี้แม้จะโดนวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นอย่างหนัก ย้ำจะขอช่วยบ้านเกิดจนถึงฟุตบอลโลก 2018 เป็นอย่างน้อย ขณะที่ พาเวล เนดเวด อดีตดาวเตะคนดังเผย สิ่งที่เสียใจที่สุดในชีวิตค้าแข้งคือไม่มีโอกาสได้สวมเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงสนาม

เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ของทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่าเขายังไม่มีความคิดจะอำลาทีมชาติ “สิงโตคำราม” ภายในเร็ววันนี้ และจะยังเล่นให้บ้านเกิดต่อไปจนถึงฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นอย่างน้อย แม้ที่ผ่านมาจะประสบปัญหาฟอร์มตกอย่างหนัก จนโดนแฟนบอลวิจารณ์ทั้งระดับสโมสรและทีมชาติ อีกทั้ง ดาวเตะวัย 30 ปี จะไม่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมพบ สโลเวเนีย ตามคำยืนยันของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เฮดโค้ชทัพ “ทรี ไลออนส์” หลังจากที่ถูกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากผลงานในเกมพบ มอลต้า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
หัวหอกร่างตัน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “มันเป็นสิ่งที่ผมต้องผ่านไปให้ได้ ผมโตพอจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ ผมเชื่อว่าผมจะกลับมาได้ ผมอายุ 30 ปีเท่านั้น ผมยังไม่ได้อายุ 35 หรือ 36 ปี ซึ่งต้องมานั่งคิดว่า เราจะกลับมาได้ไหม ผมจะทำงานอย่างหนัก และอย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วว่า ผมจะยังไม่เลิกเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ เพื่อไปเที่ยวดูไบในระหว่างพักเบรคทีมชาติ หลังจากหน้าร้อนที่ผ่านมา ผมว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่ผมจะเดินจากไปและบอกว่า จบแล้ว ผมพอแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ผม ผมรู้สึกว่าผมยังให้อะไรได้อีกเยอะ และผมก็พูดชัดเจนกับ แกเร็ธ เซาธ์เกต แล้วว่า ผมจะเล่นจนกว่าจะถึงเวิลด์คัพที่ รัสเซีย”

ทางด้าน พาเวล เนดเวด อดีตมิดฟิลด์ชื่อดังของ สาธารณรัฐเชก เผยเสียใจที่ไม่มีโอกาสสวมเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในชีวิตค้าแข้ง โดยได้บอกปัดร่วมทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี อีกด้วย จากการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อบ้านเกิด “ไอดีเอ็นอีเอส” ซึ่ง เนดเวด ในวัย 44 ปี เปิดใจว่า “สิ่งที่เสียใจของผมหรือ คือการที่ไม่ได้เล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะผมอยากให้เป็นเช่นนั้น ทว่า ไม่มีข้อเสนอวางอยู่บนโต๊ะ จะมีก็จาก เชลซี แต่จริงๆ แล้วผมชอบยุคที่มีนักเตะอย่าง พอล สโคลส์ รวมถึง ไรอัน กิ๊กส์ ที่ปลาบปลื้มเป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าผมอิจฉา คาเรล โพบอร์สกี้ ที่เคยมีประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม มั่นใจได้เลยว่าเพื่อนร่วมชาติผมยังรู้สึกหลงใหลจนถึงทุกวันนี้”

สำหรับ เนดเวด สร้างชื่อกับสาธารณรัฐเชก เมื่อครั้งพาทีมเข้าชิง ยูโร 1996 ก่อนจะแพ้ตามกฎ “โกลเดน โกล” ให้แก่ เยอรมนี 1-2 ก่อนจะย้ายจาก สปาร์ตา ปราก ร่วมทัพ ลาซิโอ ตามด้วยปี 2001 ที่ไปอยู่กับ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 41 ล้านยูโร (ประมาณ 1.55 พันล้านบาท) เพื่อเป็นตัวแทน ซีเนอดีน ซีดาน และการเล่นให้ ยูเวนตุส ซึ่งถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดของ เนดเวด เพราะได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี 2 สมัย รวมถึงตนเองได้แข้งยอดเยี่ยมแห่งปี 2003 หรือ “บัลลงดอร์” เช่นกัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น