” พระเจ้าอยู่ “ทรงพลิกฟื้นแผ่นดิน “ศูนย์ฯห้วยฮ่องไคร้”…ตัวอย่าง…ธรรมชาติที่มีชีวิต

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสความตอนหนึ่งว่า “ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ทำหน้าที่เสมือน “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” หรืออีกนัยหนึ่งเป็น “สรุปผลการพัฒนา” ที่ประชาชนจะเข้าไปเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้”
ดังนั้นศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงถือกำเนิดขึ้น เมื่อ11 ธันวาคม พ.ศ. 2525

1-jpg

2-jpg
ด้วยพระราชประสงค์ที่จะให้เป็นศูนย์กลางในการศึกษา ทดลองที่เหมาะสมกับพื้นที่ภาคเหนือ และเผยแพร่แก่ราษฎรให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยตัวเอง
วิจัย ค้นคว้า ทดลอง ศึกษาพัฒนาป่าไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ใช้สอย ไม้ผล ไม้เชื้อเพลิงซึ่งจะอำนวยประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและน้ำ ตลอดจนคงความชุ่มชื้นเอาไว้เป็นประโยชน์อย่างที่ 4
โดยศึกษาสภาพพื้นที่ป่าไม้ต้นน้ำลำธารและด้านการประมงตามอ่างเก็บน้ำต่างๆ ผสมกับการศึกษาด้านการเกษตรกรรม ด้านปศุสัตว์และโคนม และด้านเกษตรอุตสาหกรรม
เพื่อให้เป็นศูนย์ที่สมบูรณ์แบบ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรที่จะเข้ามาศึกษากิจกรรมต่างๆในศูนย์ฯ แล้วนำไปใช้ปฏิบัติอย่างได้ผลต่อไป

3-jpg
เป็น 1 ใน 6 ศูนย์ศึกษาการพัฒนา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้น กระจายอยู่ตามภาคต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ฯพิกุลทอง- นราธิวาส / ศูนย์ฯ เขาหินซ้อน-ฉะเชิงเทรา / ศูนย์ฯ อ่าวคุ้งกระเบน -จันทบุรี / ศูนย์ฯ ภูพาน – สกลนคร และ ศูนย์ฯบ้านห้วยทราย ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
ตามหลักการทรงงานพัฒนาประเทศตามสภาพภูมิสังคม ที่ประกอบไปด้วย ภูมิศาสตร์, ภูมิประเทศ, สภาพพื้นที่ ,ภูมิอากาศ ,ขนบธรรมเนียมประเพณี
พื้นที่กว่า 8,500 ไร่ ซึ่งแห้งแล้ง กันดาร
หน่วยงานต่างๆที่ร่วมสำรวจ ตรวจสอบ พื้นที่สนองงาน ได้ข้อสรุป ตรงกันว่า เป็นการยากที่จะดำเนินแผนงานให้ลุล่วงตามพระราชประสงค์
เพราะไม่ทราบว่า จะเริ่มต้นกันตรงจุดไหนและจะทำอย่างไร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระราชกระแสรับสั่งต่อ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ความว่า”ฉันจะทำให้ได้”
นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2525 จวบจนปัจจุบันร่วมๆ34 ปี แทบไม่น่าเชื่อว่าจากสภาพป่าที่เคยเสื่อมโทรม แห้งแล้ง ได้พลิกฟื้นคืนสภาพกลายเป็น”ป่าที่อุดมสมบูรณ์”
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯได้ทำหน้าที่ ให้ความรู้ เป็นแหล่งศึกษางานด้านการเกษตร, การปศุสัตว์,การประมง มากมายในองค์ความรู้ที่จะได้รับ ในแต่ละฐานความรู้ เมื่อเข้ามาสู่ศูนย์ฯแห่งนี้

13-jpg
12-jpg

0…แหล่งเรียนรู้ดูงาน…แหล่งศึกษาธรรมชาติ…ที่ได้รับความสนใจทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ

11-jpg

14-jpg

5-jpg

นอกจากนี้ธรรมชาติยังตอบแทนในสรรพสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจากการเป็นผืนป่าในสัมปทานไม้หมอนรถไฟ ป่าหายความแห้งแล้งมาเยือน
เมื่อสรรพชีวิตคืนสู่สมดุลย์ธรรมชาติ เราเริ่มพบเห็นนกยูง เห็นสรรพสัตว์ที่เคยหายไปจากวงจรธรรมชาติ
ผีเสื้อแสนสวยมากมาย บินร่อนในพงไพร เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ยิ่ง
เพราะผีเสื้อจะกินใบไม้อ่อน ยิ่งช่วงไม้แตกใบอ่อน ผีเสื้อบินเป็นกลุ่ม ละลานสี ละสานตาสวยงาม
ในทุกฤดูกาลของ ศูนย์ห้วยฮ่องไคร้ ธรรมชาติหมุนเวียนเปลี่ยนไป ความยิ่งใหญ่ในธรรมชาติ ซึ่งพระเจ้าอยู่ทรงพลิกฟื้นคืนผืนป่า ให้คงความอุดมสมบูรณ์

8-jpg
ตั้งแต่แรกเดินทางเข้ามา ตลอดแนวเส้นทางโครงการ สู่จุดรับรอง ลัดเลาะไปตามฐานเรียนรู้ต่างๆสัมผัสได้ถึงความเย็นกาย เย็นใจ ความสบายๆกลางธรรมชาติ
น่าจะเป็นสัญญานบ่งบอกให้เราทุกๆคน ต้องช่วยกัน ก้าวตามรอยพ่อ
ดูแลรักษาปกป้องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ให้เสื่อมสูญไป เพราะมหันตภัย โลกร้อน ที่กำลัง ปรากฎ
ทรงมีพระปรีชาญาน ทรงงานให้เห็นประจักษ์ว่า “ถ้าสามารถพัฒนาผืนป่าที่ห้วยฮ่องไคร้ได้ที่ใดก็ตามในประเทศไทยก็ต้องพัฒนาได้…เช่นกัน “
ใต้ร่มพระบารมี”พ่อหลวงแห่งปวงชน” พสกนิกรไทยๆคนต้องช่วยกัน เยียวยา รักษา ธรรมชาติ บนโลกใบนี้ให้คืนความสมดุลย์ ก้าวตามรอยทาง..ที่พ่อสร้าง ฝากไว้..เพื่อแผ่นดิน..ตลอดรัชสมัย

9-jpg
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ตั้งอยู่ ณ ตำบลป่าเมี่ยง และตำบลแม่โป่ง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บนเส้นทาง118 สายเชียงใหม่ – เชียงราย ระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร
โดยอยู่ทางขวามือห่างจากถนนราวๆ 2 กิโลเมตร
สอบถามเพิ่มเติม : www.hongkhrai.com โทร. 053-389-228-9 โทรสาร 053-389-229
……………..
ขอบคุณ : ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เชียงใหม่ :ข้อมูล

ร่วมแสดงความคิดเห็น