อย่ากินสัตว์ป่วยตาย

จากการที่มีการระบาดของโรคคอบวมทำให้โค-กระบือ ป่วย และล้มตายเป็นจำนวนมากสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียงเกิดความวิตกกังวลได้ โรคคอบวมเป็นโรคระบาดในโค-กระบือ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง การระบาดของโรคนี้จะเกิดขึ้นในสภาวะที่สัตว์เกิดความเครียด เช่น ต้นหรือปลายฤดูฝน การเคลื่อนย้ายสัตว์หรือการใช้แรงงานสัตว์มากเกินไป ในสภาวะความเครียดเช่นนี้สัตว์ที่เป็นตัวเก็บเชื้อจะปล่อยเชื้อออกมาปนเปื้อนกับอาหารและนํ้า เมื่อสัตว์ตัวอื่นกินอาหารหรือนํ้าที่มีเชื้อปนอยู่เข้าไป ก็จะป่วยเป็นโรคนี้ และขับเชื้อออกมากับสิ่งขับถ่ายต่างๆ เช่น นํ้ามูก นํ้าลาย อุจจาระ ทำให้โรคแพร่ระบาดต่อไป ซึ่งเชื้อตัวนี้
เมื่อปนเปื้อนอยู่ในแปลงหญ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง ถ้าอยู่ในดินที่ชื้นแฉะอาจมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 1 เดือน

เมื่อสัตว์ได้รับเชื้อจะมีไข้สูงอย่างรวดเร็ว หายใจหอบ นํ้าลายฟูมปาก หยุดกินและเคี้ยวเอื้อง ท้องผูกในระยะแรกแล้วต่อมาท้องร่วง อาการที่พบทั่วไปได้แก่ คอบวมร้อนและแสดงอาการเจ็บปวด หายใจดัง การบวมอาจลามลงไปถึงใต้คาง แก้ม คอส่วนล่างจนถึงไหล่และขาหน้า กลืนอาหารลำบาก ลิ้นห้อยจุกปาก เยื่อเมือกของปากแดงจัด นํ้าลาย นํ้าตาและนํ้ามูกไหล สัตว์อาจจะตายเนื่องจากหายใจไม่สะดวกภายใน 6 ชั่วโมง – 2 วัน

นอกจากนี้ บางรายอาจจะมีอาการเสียดท้อง ท้องเดิน และไอด้วย โรคนี้มีโอกาสติดต่อมาสู่คนโดยทางบาดแผล การสัมผัสกับสารคัดหลั่งของสัตว์ที่มีเชื้อ หรือทางลมหายใจ หรือการรับประทานเข้าไปก็ได้ ดังนั้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรือบริเวณใกล้เคียงป้องกันการติดต่อโดยห้ามนำสัตว์ที่ป่วยตายมารับประทาน หากต้องสัมผัสกับสัตว์ควรสวมถุงมือ รองเท้าบู๊ท หน้ากากปิดปากและจมูกเพื่อป้องกันสารคัดหลั่งกระเด็น ควรดื่มนํ้าต้มสุก ล้างมือก่อนรับประทานอาหารและหลังทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสัตว์ทุกครั้ง

สำหรับผู้ที่มีอาชีพรับจ้างชำแหละหรือขายเนื้อสัตว์ หรือมีประวัติสัมผัสกับสัตว์ต้องคอยสังเกตอาการของตนเองหรือญาติพี่น้องอย่างใกล้ชิด หากมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ ปัสสาวะน้อย เหนื่อยหอบ ซึม ปวดตามตัวมาก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น