พระเอก-ผู้ร้าย

ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ฤดูกาล 2016 ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยหลังจบสนามสุดท้ายที่ บาเลนเซีย วันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 พร้อมกับตำแหน่งแชมป์โลกที่อยู่ในมือของ มาร์ค มาร์เกวซ นักบิดหนุ่มจากค่าย เรปโซล ฮอนด้า ขณะที่ วาเลนติโน รอสซี จอมเก๋าแห่ง โมวิสตาร์ ยามาฮ่า อกหักไม่สมหวังต้องไปแก้มือปีหน้า ทว่าไม่วายก็สร้างประเด็นให้สื่อตั้งคำถามเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวอีกครั้ง

หลังจบการแข่งขันที่ ริคาร์โด ทอร์โม เซอร์กิต รอสซี ถูกตั้งคำถามถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม เมื่อกล้องจับภาพเห็นว่าเจ้าตัวขี่รถไปกระแทกกับ อนา คาบานิยาส บาสเกวซ แฟนความเร็วซึ่งเป็นสุภาพสตรี ซึ่งยืนอยู่ข้างสนาม รวมถึงใช้ขาสะกิดให้หลบทางก่อนขี่รถหายไปโดยไม่กล่าวคำขอโทษ เล่นเอาผู้เสียหายถึงกับเดือดดาลและขู่ฟ้องเอาเรื่องนักบิดของ ยามาฮ่า แม้อีกฝ่ายจะออกมาสำนึกผิดผ่านสื่อแต่ก็ไม่มีการยอมความ

ปัญหาพฤติกรรมของ “วาเล” หนล่าสุดนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะหากแฟนความเร็วจำกันได้ เจ้าตัวก็มีประวัติก่อเรื่องไม่เหมาะสมมาแล้วหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่เบียด เซเต จิเบอร์เนา คู่แข่งหลุดแทร็กที่ เฆเรซ ปี 2005, ปาดกับ แม็กซ์ เบียงคี ที่ญี่ปุ่น ปี 2001 ก่อนคว้าชัยชนะและแจกนิ้วกลางให้เป็นของชำร่วย เพราะฉุนที่โดนตีศอกใส่ก่อน, เอาตุ๊กตายางมาล้อเลียน เบียงคี ที่คบกับนางแบบ คลอเดีย ชิฟเฟอร์ นางแบบชื่อดังระหว่างฉลองชัย, พุ่งชน เคซีย์ สโตเนอร์ คู่อริจนล้มกลิ้งแบบไม่ตั้งใจที่ สเปน ปี 2011 จนอีกฝ่ายรถพังแข่งต่อไม่ได้ และเปิดศึกฟาดน้ำลายกัน

ส่วนเคสที่ติดตาแฟนๆ ปัจจุบันมากที่สุด คือ การถีบ มาร์ค มาร์เกวซ นักบิดรุ่นน้องของ เรปโซล ฮอนด้า ล้มในการแข่งขันที่ มาเลเซีย ปี 2015 แบบชวนตั้งคำถามว่าจงใจหรือเผลอตัว แม้จะอ้างภายหลังว่าโดนนักแข่งชาวสแปนิชถลาเบียดเข้ามาเหมือนจงใจก่อกวน แต่ก็ไม่พ้นถูกลงโทษไปสตาร์ทท้ายแถวที่ บาเลนเซีย จนวืดแชมป์โลกสมัยที่ 10 ในที่สุด จนกลายเป็นการบาดหมางกันระหว่างรุ่นพี่ – รุ่นน้อง เพิ่งจะมาคืนดีกันได้ก็ในปีนี้เอง

ในสายตาของแฟนรถแข่งทั่วไป รอสซี อาจถูกตราหน้าว่าเป็นนักแข่งในคราบ “นักเลง” เพราะการกระทำตัวที่ไม่เหมาะสมทั้งที่เป็นผู้อาวุโสแห่งวงการ กลับกันในสายตาแฟนๆ นักบิดหมายเลข 46 ก็มองว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง เพราะแม้จะแสดงความก้าวร้าวออกสื่อแต่ก็ถือเป็นสีสันให้ โมโตจีพี มีความน่าติดตาม และส่วนมากจะเป็นแค่บนแทร็กเท่านั้น จบการแข่งขันก็ให้การปฏิบัติกับแฟนๆและเพื่อนร่วมอาชีพเป็นอย่างดี

สิ่งที่ทำให้นักบิดวัย 37 ปี เป็นที่รักของแฟนๆ นอกจากความยอดเยี่ยมบนแทร็ก เจ้าตัวยังมีทัศนคติที่ดี เป็นต้นแบบให้กับนักบิดรุ่นใหม่ อาทิ การตัดสินใจต่อสถานการณ์สำคัญ ยกตัวอย่างปี 2013 เมื่อเขาแยกทางกับ เฌเรมี เบอร์เกส ทีมช่างคู่บุญที่อยู่ด้วยกันตลอด 14 ฤดูกาล และปั้นให้เป็นแชมป์โลกมา 7 สมัย เพราะถูกคู่แข่งเริ่มจับทางได้ ก่อนมองหาแท็กติกใหม่ๆ กับทีมงานชุดใหม่ แม้ถูก บอร์เกส ตราหน้าว่าได้หน้าลืมหลัง และจะไม่มีวันประสบความสำเร็จอีกต่อไป แต่ “เดอะ ด็อกเตอร์” ก็เลือกเดินหน้ากับทีมงานใหม่ จนมีผลงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

นับเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับมนุษย์ ที่มีทั้งด้านดีและด้านลบ ไม่มีใครขาวล้วนหรือดำสนิท เช่นเดียวกับ รอสซี ถึงจะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับวุฒิภาวะ แต่ก็มีมุมมองกับทัศนคติแง่ดี ที่ทำให้แฟนคลับทั่วโลกหลงรัก พร้อมให้อภัยเมื่อทำผิดพลาด และเมื่อถึงคราวหันหลังให้วงการ ชื่อของ รอสซี ต้องถูกระลึกถึงในฐานะนักบิดที่ประสบความสำเร็จและสร้างสีสันให้เป็นที่จดจำ ส่วนแฟนๆ ความเร็วคนอื่น ต้องเลือกเอาว่าจะมองนักบิดคนนี้แบบใดระหว่าง “พระเอก – ผู้ร้าย”

ด้วยความเคารพ
เบาหวิว
[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น