เปิดตำนาน “พระธาตุดอยตุง”

ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของพระธาตุดอยตุงมีอยู่ว่า ที่บริเวณพระธาตุดอยตุง ประกอบด้วยยอดเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันอยู่ บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของอารยชนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า วิรังคะ บ้าง ลัวะ บ้าง พวกนี้มีหัวหน้าชื่อปู่เจ้าลาวจก มีเมียชื่อ ผ่าเจ้าลาวจก สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับอยู่ที่ยอดเขาลูกหนึ่งทรงมะนาวตัดและทำนายว่าในอนาคตจะมีพระอรหันต์นำพระธาตุของพระองค์มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ ซึ่งต่อไปภายหน้าจะเป็นบ้านเป็นเมือง มีกษัตริย์ค้ำชูพุทธศาสนาตราบชั่ว 5,000 พระวัสสา

ทิวเขาที่ทอดยาวทางด้านทิศตะวันตกของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเป็นพรมแดนธรรมชาติที่กั้นระหว่างประเทศไทยกับพม่า มีชื่อเรียกว่าทิวเขาแดนลาว หรือเทือกเขาดอยตุง บริเวณพื้นที่นี้มีกลุ่มดอยสลับซับซ้อน เป็นแหล่งชุมชนโบราณที่ปรากฏเรื่องราวในตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย

ทิวเขากลุ่มหนึ่งที่ทอดตัวเรียงเป็นรูปสามเส้า ดอยทางทิศใต้เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นปฐมธาตุเจดีย์แห่งล้านนาที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1454 โดยพระเจ้าอุชุตราชแห่งนครโยนกนาคพันธุ์ นั่นคือ พระมหาชินธาตุเจ้าบนดอยตุง ด้วยความเชื่อที่ว่าภายใต้พระมหาสถูปทั้งสององค์ของพระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุงเป็นที่ประดิษฐานพระรากขวัญเบื้องซ้ายและพระบรมสารีริกธาตุส่วนอื่น ๆ ปรากฏเป็นความเชื่อสืบทอดบันทึกไว้ในเอกสารตำนานที่กล่าวอ้างถึงการนำพระบรมสารีริกธาตุมาสู่ดอยตุงและการสถาปนาพระมหาสถูประบุศักราชในตำนานไกลโพ้นถึงยุคพุทธกาล เน้นย้ำความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดผูกพันตำนานกับความเชื่อเลื่อมใสที่ยาวนานมา

ตำนานเกี่ยวกับพระธาตุดอยตุงปรากฏอยู่ในตำนานพื้นเมืองของล้านนาเป็นความเชื่อปรัมปราของจารีตการสืบทอดประวัติความเป็นมาแห่งดินแดนที่แสดงให้เห็นถึงการเสื่อมสลายและความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรชุมชนในบริเวณอันกว้างใหญ่ของลุ่มแม่น้ำโขง แม่น้ำกกและแม่น้ำสายที่เกี่ยวเนื่องกับอิทธิพลของพุทธศาสนาที่แพร่ขยายเข้าสู่ดินแดนบริเวณนี้

ตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาของพระธาตุดอยตุงมีอยู่ว่า ที่บริเวณพระธาตุดอยตุง ประกอบด้วยยอดเขาหลายลูกสลับซับซ้อนกันอยู่ บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของอารยชนกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า วิรังคะ บ้าง ลัวะ บ้าง พวกนี้มีหัวหน้าชื่อปู่เจ้าลาวจก มีเมียชื่อ ผ่าเจ้าลาวจก สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับอยู่ที่ยอดเขาลูกหนึ่งทรงมะนาวตัดและทำนายว่าในอนาคตจะมีพระอรหันต์นำพระธาตุของพระองค์มาประดิษฐาน ณ ที่นี้ ซึ่งต่อไปภายหน้าจะเป็นบ้านเป็นเมือง มีกษัตริย์ค้ำชูพุทธศาสนาตราบชั่ว 5,000 พระวัสสา

เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานพระมหากัสสปนำพระธาตุรากขวัญเบื้องซ้ายและพระธาตุอื่น ๆ มาไว้ พระธาตุได้ชำแรกลึกลงไปในหิน พระมหากัสสปได้ทำตุง คันหนึ่งใหญ่ยาวมาก ว่ากันว่า ร่มเงาของตุงนั้นทาบไปถึงเมืองเชียงแสนซึ่งขณะนั้นมีกษัตริย์ปกครองบ้านเมืองอยู่แล้ว เป็นวงศ์ของสิงหนวติกุมาร ซึ่งได้อพยพมาจากตอนเหนือมาตั้งบ้านเรือนอยู่ จึงให้ปู่เจ้าลาวจกพร้อมเมียและบริวาร 500 เป็นผู้ดูแลพระธาตุ

อย่างไรก็ตามพิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีของกรมศิลปากรได้กล่าวถึงความเชื่อเรื่องพระธาตุ ซึ่งได้มีการตรวจสอบจากตำนานพระธาตุดอยตุงเมืองเชียงแสนฉบับของกรมศิลปากรและตำนานสิงหนวติปรากฏว่า ไม่ได้มีการระบุว่าเจดีย์องค์ใดเป็นพระธาตุรากขวัญเบื้องซ้ายหรือพระธาตุส่วนอื่น ๆ นอกจากนั้นยังมีการกล่าวถึงการนำพระธาตุมา 2 ครั้งคือครั้งแรกมีพระรากขวัญเบื้องซ้ายมาด้วยส่วนครั้งที่สองมีการนำพระธาตุมาหลายองค์ เมิ่อนำมาแล้วได้อัญเชิญขึ้นมาตั้งไว้บนก้อนหิน พระธาตุที่นำมาครั้งแรกทำอภินิหารจมลงในดินลึก 8 ศอก ส่วนครั้งที่สองจมลงในดินลึก 7 ศอก ด้วยเหตุนี้การจะระบุว่าเจดีย์องค์ใดเป็นที่สถาปนาพระธาตุจึงเป็นคำอธิบายของคนสมัยหลัง ซึ่งไม่ตรงกับความเชื่อในตำนาน

มีการเปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่างพระธาตุดอยตุงกับพระธาตุดอยสุเทพในรูปทรงที่เห็นปัจจุบัน มีหลักฐานบ่งชี้ในตำนานพระธาตุดอยสุเทพชัดเจนว่าเป็นรูปแบบที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2068 ซึ่งตรงกับสมัยพระเกศเกล้าครองเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทำองค์ระฆัง บัลลังก์และมาลัยลูกแก้วเป็น 12 เหลี่ยม ลักษณะพระธาตุดอยตุงองค์เดิมมีการทำเป็นเหลี่ยมเช่นกันแต่มี 8 เหลี่ยม การนิยมทำส่วนต่าง ๆ ดังกล่าวให้เป็นเหลี่ยมนี้ ไม่ปรากฏว่ามีที่ใดเก่าไปกว่าของพระธาตุดอยสุเทพ ดังนั้นได้มีการตรวจสอบกับตำนานพระธาตุดอยตุง เมืองเชียงแสนฉบับหอสมุดแห่งชาติว่ามีใครเข้ามาเกี่ยวข้องในการทำนุบำรุงพระธาตุ ในสมัยตั้งแต่ พ.ศ.2068 หรือไม่ ปรากฏว่าครั้งหนึ่งเมื่อ พ.ศ.2129 กษัตริย์เชียงใหม่ผู้เป็นเชื้อสายของบุเรงนองได้มาทำนุบำรุงพระธาตุองค์นี้

พระธาตุดอยตุง ชำรุดทรุดโทรมผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน กระทั่งปี พ.ศ.2470 ครูบาศรีวิชัยได้มาทำการบูรณะพระธาตุดอยตุง โดยการฉาบปูนใหม่แต่ยังรักษาทรวดทรงของเดิมของเก่า ที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล

โดยพุทธศาสนิกชนยังคงเดินทางขึ้นไปนมัสการองค์ปฐมพระบรมธาตุแห่งล้านนากันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากพระธาตุดอยตุง เป็นเสมือนเสาหลักที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวไทยใหญ่จากพม่ารวมถึงชาวลาวจากหลวงพระบางและเวียงจันทน์ สังเกตได้จากในช่วงเทศกาลนมัสการพระธาตุดอยตุงมีผู้คนจากทั่วสารทิศเดินทางมานมัสการองค์พระธาตุดอยตุงแห่งนี้อยู่อย่างไม่ขาดสาย

อ้างอิงข้อมูล
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์ ,พระธาตุดอยตุง.

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น