เที่ยวปีใหม่อุ่นใจ ฝากบ้านกับ ตำตรวจมีรายงาน ผ่านไลน์

ฝากบ้านกับตำรวจ………….พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รรท.ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมกันเปิดแถลงข่าวการจัดโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.59 ถึง วันที่ 3 ม.ค.60 ตามนโยบายของตำรวจแห่งชาติในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

ตำรวจเชียงใหม่ บูรณาการการปฏิบัติงานช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ดูแลประชาชนช่วงวันหยุดยาวเปิดโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ป้องกันเหตุอาชญากรรมและการโจรกรรมทรัพย์สิน สร้างความอุ่นในให้กับผู้ที่เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนออกต่างจังหวัดทิ้งบ้านไว้หลายวัน พร้อมเปิด “แอพพลิเคชั่นไลน์” รายงานผลการปฏิบัติงานให้เจ้าของบ้านทราบตลอด 24 ชม.

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณภายในร้าน สมจิตรแอร์ ถ.มหิดล ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รรท.ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.สรายุทธ สงวนโภคัย รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวการจัดโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ระหว่างวันที่ 25 ธ.ค.59 ถึง วันที่ 3 ม.ค.60 ตามนโยบายของตำรวจแห่งชาติในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางไปท่องเที่ยวหรือไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ต้องทิ้งบ้านและทรัพย์สินไว้หลายวัน และป้องกันมิจฉาชีพที่อาจฉวยโอกาสในช่วงนี้ก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดูแลสอดส่งความเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัย สร้างความอุ่นใจให้กับทางเจ้าของบ้านระหว่างการเดินทาง

โดยทาง พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ รรท.ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า โครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2544 ในพื้นที่ กทม. ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจนครบาลต่อมาได้ขยายไปยังพื้นที่ในจังหวัดปริมณฑลในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1,2 และ 7 และสุดท้ายก็ขยายโครงการไปทั่วประเทศ นับถึงปีนี้เป็นปีที่ 15 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจไม่กังวลใจในขณะที่ไม่อยู่บ้าน เป็นมาตรการป้องกันอาชญากรรม และเป็นการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนอย่างหนึ่ง อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความห่วงใยของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้เป็นการจูงใจให้ประชาชนร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมให้มากยิ่งขึ้น และมุ่งให้สถานีตำรวจรวมทั้งหน่วยงานในลักษณะเดียวกันเป็นแหล่งที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง รวมทั้งมุ่งพัฒนาให้ข้าราชการตำรวจเป็นผู้มีพฤติกรรมดีปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เอาจริงเอาจังเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนและมีจิตสำนึกในการให้บริการ และช่วยเหลือประชาชนเสมือนหนึ่งตัวเองได้รับความเดือดร้อน
โดยการดำเนินโครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขจัดปัจจัยและบ่อเกิดของปัญหา ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในช่วงฤดูกาลหยุดยาว ที่พบว่าบ้านเรือนของประชาชนที่ปิดบ้านทิ้งไว้โดยไม่มีคนเฝ้า ได้ถูกคนร้ายเข้าไปโจรกรรมทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก จากสภาพปัญหาดังกล่าวตำรวจจึงได้ปรับบทบาทในการดูแลประชาชนเสียใหม่ โดยเน้นด้านการป้องกันให้มากขึ้น ได้กำหนดมาตรการต่างๆ ที่เหมาะสม รวมไปถึงการแสวงหาความร่วมมือจากประชาชนในชุมชนต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ ร่วมกันเฝ้าระวังและป้องกันเหตุร้ายในช่วงเทศกาลอันเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจถือเป็นบทบาทใหม่ของตำรวจในการป้องกันอาชญากรรมเชิงรุก

ขณะเดียวกันทางตน พร้อมทั้ง พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์, พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร รอง ผบช.ภ.5 รวมถึง พ.ต.อ. สรายุทธ สงวนโภคัย รรท.ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และทาง พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้หัวหน้าสถานีทุกแห่งกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยี “แอพพลิเคชั่นไลน์” มาเสริมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยแต่ละสถานีตำรวจที่มีประชาชนเข้าร่วมโครงการฝากบ้านจะจัดทำระบบไลน์กลุ่มๆ ละประมาณ 20 หลัง โดยมี รอง ผกก.ป.ฯ/สวปฯ. เป็น ผู้ควบคุมดูแลในแต่ละกลุ่มเพื่อเพิ่มการสื่อสารสองทางระหว่างเจ้าของบ้านกับตำรวจที่ดูแล โดยแต่ละครั้งที่มีการตรวจตราตำรวจสายตรวจจะถ่ายภาพหรือส่งข้อความให้เจ้าของบ้านทุกหลังได้รับทราบและสามารถใช้ไลน์ในการตอบกลับสอบถามหรือแจ้งข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมให้กับตำรวจตลอด 24 ชม. และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจก็จะต้องไลน์ผลการปฏิบัติให้ผู้บังคับบัญชา ตามลำดับขั้นได้รับทราบด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการยืนยันการปฎิบัติหน้าที่ตามกรอบระยะเวลาและมาตรการต่างๆ ที่กำหนดอย่างเคร่งครัดแล้วยังเป็นช่องทางที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาสามารถให้คำแนะนำได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด และขณะเดียวกันตำรวจภูธรภาค 5 ได้ให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก โดยได้กำหนดมาตรการต่างๆ ไว้โดยเฉพาะและกำหนดแนวทางปฏิบัติอย่างรัดกุมเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นขั้นตอนชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ยิ่งนำระบบไลน์มาใช้ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการมากขึ้น

นอกจากนั้นได้รับความร่วมมือจากประชาชนเจ้าของบ้านที่เข้าร่วมโครงการและบ้านเรือนใกล้เคียงให้ข้อมูลต่างๆ อันเป็นประโยชน์เพื่อนำไปเป็นฐานข้อมูลในการวางกำลังสายตรวจ ได้ชาวบ้านเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังภัยและพร้อมแจ้งข้อมูลเมื่อเกิดเหตุร้าย ซึ่งโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเป็นการผสมผสานการปฏิบัติระหว่างตำรวจกับประชาชนที่อยู่ในรูปแบบของงานตำรวจสัมพันธ์ ซึ่งส่งผลให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันอาชญากรรมในเชิงรุกมีประสิทธิผลมากขึ้น สร้างความอุ่นใจและมั่นใจให้กับประชาชนโดยส่วนรวมอย่างแท้จริงที่สำคัญคือเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจไม่ได้ระแวงระวังเพียงบ้านที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น แต่ในการตรวจตราตามวงรอบตำรวจทุกนายจะต้องระวังดูแลชุมชนในภาพรวมและเฝ้าระวังบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมดด้วยเพียงแต่บ้านที่เข้าร่วมโครงการเป็นบ้านที่ไม่มีคนเฝ้าตำรวจจึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังให้มากขึ้น เพื่อปิดช่องโอกาสไม่ให้คนร้ายเข้าไปโจรกรรมได้ อย่างไรก็ตามระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.59 มีจำนวนบ้านที่เข้าร่วมโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จำนวนทั้งสิ้น 127 หลัง โดยประชาชนผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อขอเข้าร่วมโครงการได้ที่สถานีตำรวจที่อยู่ใกล้บ้าน

ร่วมแสดงความคิดเห็น