ตลาดกาแฟเดือด “ดอยช้าง” รุกแฟรนไชส์


“ดอยช้าง” เปิดศึกลุยตลาดเต็มพิกัด เปิดร้านแฟรนไชส์เพิ่ม 50 สาขา ผุดศูนย์กระจายสินค้าทุกภาคซัพพอร์ตสาขา เดินหน้าดึงร้านกาแฟรายย่อยเป็นแฟรนไชส์ ส่งสินค้าใหม่เมล็ดกาแฟ-กาแฟดิปเจาะรีเทล-ออนไลน์ต่อเนื่อง ด้านต่างประเทศผนึกยักษ์ค้าปลีก “ลอตเต้” สปีดสาขาเกาหลีใต้ ลั่นปีหน้าปูพรมครบ 40 สาขา จับมือพาร์ตเนอร์ผุดโรงคั่วในโรมาเนียหวังเป็นสปริงบอร์ดขยายตลาดยุโรปเต็มสูบ

นายพิษณุชัย แก้วพิชัย ประธานที่ปรึกษา บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ผู้ผลิต-จำหน่ายเมล็ดกาแฟและบริหารร้านกาแฟ “ดอยช้าง” กล่าวว่า จากนี้ไปดอยช้างมีแผนเปิดร้านกาแฟในรูปแบบแฟรนไชส์ต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเปิดครบ 100 สาขาภายในปีหน้า จากปัจจุบันมีกว่า 50 สาขา เน้นเปิดในรูปแบบสแตนด์อะโลนในพื้นที่สัญจร อาทิ มอเตอร์เวย์ ฯลฯ มากขึ้น ซึ่งแฟรนไชซีจะมีค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านราว 1-3 ล้านบาท โดยดอยช้างจะสนับสนุนองค์ความรู้ อุปกรณ์ ให้ส่วนลดเมล็ดกาแฟ ฯลฯ

ส่วนบางสาขาที่เป็นร้านต้นแบบหรืออยู่ในทำเลที่เหมาะสมกับการสร้างแบรนด์ จะลงทุนเองผ่านบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ดอยช้าง โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด

พร้อมกันนี้ ยังมีแผนดึงร้านกาแฟรายย่อยที่ใช้เมล็ดกาแฟดอยช้างอยู่กว่า 200-300 แห่งให้เข้ามาเป็นแฟรนไชซีของดอยช้าง แต่ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะมีข้อจำกัดที่ผู้ประกอบการต้องใช้เงินลงทุนสูง

“อย่างไรก็ตามความต้องการเปิดร้านแฟรนไชส์ยังมีอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ทรงตัว เพราะคนยังต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจร้านกาแฟที่เติบโตได้อีกมากจากอัตราการบริโภคของไทยที่ยังไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งตลาดกาแฟพรีเมี่ยมยังคงเติบโตดี”

เพื่อรองรับการขยายตัวดังกล่าว บริษัทจึงมีแผนตั้งศูนย์กระจายสินค้าในแต่ละภูมิภาค ภาคละ 2 – 3 จุด พร้อมมีร้านกาแฟต้นแบบและหน่วยซ่อมบำรุงประจำทุกศูนย์ เพื่อซัพพอร์ตร้านแฟรนไชส์แทนการบริหารจัดการผ่านศูนย์ที่กรุงเทพฯ แห่งเดียว ล่าสุดนำร่องเปิดศูนย์แรกที่ภูเก็ตเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา รองรับสาขาในภูเก็ต กระบี่ และพังงา และอยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์ที่เชียงรายด้วยงบฯลงทุนกว่า 30 ล้านบาท เพื่อดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน คาดว่าจะเปิดได้ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560 และเตรียมเปิดศูนย์ต่อ ๆ ไปที่หาดใหญ่ (สงขลา) ขอนแก่น นครราชสีมา ฯลฯ

นอกจากนี้ ดอยช้างยังได้เริ่มปรับโลโก้ เพิ่มความทันสมัยให้รู้สึกเข้าถึงแบรนด์ได้ง่ายขึ้น และในต้นปีหน้าจะปรับบรรจุภัณฑ์ภายในร้านให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงตกแต่งบรรยากาศร้านให้สอดคล้องกับโพซิชันนิ่ง

สำหรับเมล็ดกาแฟคั่วบรรจุถุงแบรนด์ดอยช้างที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ต อาทิ กูร์เมต์ มาร์เก็ต, วิลล่า มาร์เก็ต ฯลฯ ยังมีการเติบโตที่ดีตามเทรนด์การบริโภคกาแฟสดในบ้านที่เติบโตขึ้น จึงมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง และได้เริ่มขายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ ลาซาด้า ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ต้นปีหน้าเตรียมส่งเมล็ดกาแฟคั่วบรรจุถุงลงตลาด 3 – 5 รายการ ขณะที่ปลายปี 2560 เตรียมเปิดตัวกาแฟซาเช่ (สำหรับดิป) รวมถึงการขยายตลาดเมล็ดกาแฟคั่วสำหรับธุรกิจโฮเรก้า (โรงแรม ร้านอาหาร แคทอริ่ง) ที่ปีหน้ามีแผนเพิ่มปริมาณการขายให้ไม่ต่ำกว่า 5 ตัน/เดือน

ปัจจุบันโรงคั่วของดอยช้างมีกำลังการผลิตกว่า 1 – 2 ตัน/วัน รองรับการขยายตัวของธูรกิจได้ต่อเนื่อง ขณะที่วัตถุดิบในประเทศปีนี้ยังมีเพียงพอกับความต้องการ

นายพิษณุชัยกล่าวต่อว่า ด้านทิศทางตลาดต่างประเทศที่สร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% มีแผนขยายธุรกิจในโซนเอเชียมากขึ้นด้วยการเปิดร้านกาแฟดอยช้างในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก จากปัจจุบันมีร้านแฟรนไชส์ในต่างประเทศรวม 40 สาขา ซึ่งจากนี้จะได้เห็นสาขาใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ ที่โลคอลแฟรนไชซีไปจับมือกับยักษ์ค้าปลีก “ลอตเต้” ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีแผนเปิดร้านในสาขาของลอตเต้ร่วมกันให้ครบ 40 สาขาภายในปีหน้า จากตอนนี้เปิดไปแล้วกว่า 10 แห่ง

“ดอยช้างต้องเปิดร้านไปพร้อมกับที่ลอตเต้เปิดศูนย์ใหม่หรือรีโนเวตพื้นที่ ซึ่งตอนนี้มีสาขาให้เปิดทุกเดือน ถือว่าเร็วมาก เราเลยต้องบินไปดูเรื่องทีมการจัดการร้าน ส่งกาแฟสารไปจ้างคั่วในโรงงานที่เกาหลีเพื่อซัพพอร์ตวัตถุดิบให้พร้อม”

ส่วนความคืบหน้าในตลาดอินเดียที่ร่วมทุนกับโลคอลพาร์ตเนอร์เปิดร้านกาแฟดอยช้างยังอยู่ระหว่างหาพื้นที่ในนิวเดลี มุมไบ บังคาลอร์ ฯลฯ คาดว่าจะเปิดได้ 3 – 4 สาขาพร้อมกันภายในปีหน้า นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการหาทำเลเปิดร้านกาแฟต้นแบบที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

พร้อมกับเตรียมเปิดร้านเพิ่มในลาว 2 สาขา, เปิดสาขา 2 ในพนมเปญ กัมพูชา ก่อนขยายไปเมืองเสียมเรียบ กำปงโสม ส่วนมาเลเซียจะเปิดสาขาใหม่ไตรมาสละ 1 สาขาและยังคงมีผู้สนใจขอสิทธิแฟรนไชส์ต่อเนื่องเช่นเมียนมาที่ปัจจุบันมีร้านต้นแบบอยู่ที่ย่างกุ้ง 1 สาขา ยังอยู่ระหว่างพิจารณาผู้สนใจขอสิทธิแฟรนไชส์และความพร้อมของตลาด

ในขณะที่ตลาดในยุโรป ที่รู้จักกาแฟดอยช้างในฐานะที่ได้รับการรับรองขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอ (Geographical Indication: GI) จะเน้นทำตลาดในช่องทางโมเดิร์นเทรดด้วยเมล็ดกาแฟคั่วแบรนด์ดอยช้าง (Doi Chaang) โดยภายในปีหน้าเตรียมจับมือกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นลงทุนกว่า 10 ล้านบาท สร้างโรงคั่วในโรมาเนีย กำลังการผลิตสูงสุด 1-2 ตัน/วัน เพื่อเป็นฐานผลิต ส่งสินค้าไปขายในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงสร้างภาษีการนำเข้าวัตถุดิบจากไทย ได้แก่ กาแฟสารเพื่อนำไปคั่วในโรมาเนีย รวมทั้งเตรียมจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่

“ดอยช้างมองตลาดยุโรปมา 3-4 ปีแล้ว เพราะคนยุโรปบริโภคกาแฟสดเยอะกว่าไทย 3 – 4 เท่า เป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาส ซึ่งการทำโปรดักต์เข้าไปขายในโมเดิร์นเทรดจะคล่องตัวกว่าร้านกาแฟที่ต้องลงทุนสูงมากและคนยังไม่นิยมใช้เวลาในร้านกาแฟเท่าฝั่งเอเชีย การมีโรงคั่วในต่างประเทศเพิ่มที่โรมาเนียก็ทำให้มีสินค้าเข้าไปจำหน่ายในสหภาพยุโรปได้ หลังจากที่เรามีโรงคั่วที่แคนาดาที่ร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ท้องถิ่น ขายสินค้าในแคนาดา สหรัฐอเมริกา และอังกฤษอยู่ก่อนแล้ว”

ร่วมแสดงความคิดเห็น