กลุ่มนักเคลื่อนไหวเมียนมา รวมตัวยื่นหนังสือค้ดค้าน การนำทหารเข้าโจมตีชนกลุ่มน้อย ในรัฐคะฉิ่น

กลุ่มนักเคลื่อนไหวเมียนมา รวมตัวยื่นหนังสือค้ดค้านการนำทหาร เข้าโจมตีชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่น หลังเคยยื่นหนังสือประท้วง มาครั้งหนึ่งแต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 ม.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าสถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ประจำ จ.เชียงใหม่ ได้มีชาวคะฉิ่นที่อาศัยอยู่ทั่วพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จำนวนรวมกว่า 200 คน รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสือ “ข้อเรียกร้องของชาวคะฉิ่น ในประเทศไทยต่อรัฐบาลเมียนมา และกองทัพทหารเมียนมา” ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และสื่อมวลชนประเทศไทย และสื่อมวลชนชาวเมียนมาร์

โดยบรรยา  กาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่มีตัวแทนจากสถานกงสุล เข้ามารับหนังสือร้องเรียน ก่อนที่ตัวแทนชาวคะฉิ่นจะอ่านข้อเรียกร้องเป็นภาษาคะฉิ่นและภาษาไทย พร้อมร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าของชาวคะฉิ่น อีกทั้งมีการถือป้ายแสดงข้อความ และภาพการคัดค้านการนำทหารเมียนมา เข้าโจมตีชนกลุ่มน้อยในรัฐคะฉิ่น ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจนต้องหลบหนีภัย

โดยทาง นายชัชวาล อำไพถาวรกุล ชาวคะฉิ่นใน จ.เชียงใหม่ อ่านข้อเรียกร้องมีเนื้อความว่า สืบเนื่องจากกองทัพทหารเมียนมาร์ได้เข้าโจมตีในกลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆ อันสร้างผลกระทบและความเสียหายอย่างต่อเนื่องตลอดมา แม้ว่าประเทศเมียนมาได้เปลี่ยนการปกครอง เป็นระบอบประชาธิปไตยแล้วก็ตาม แต่กองทัพทหารเมียนมา ยังคงกดขี่ขมเหงกลุ่มชาติพันธ์ุ และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดระดับความรุนแรงแต่อย่างใด

จนกระทั่งถึงปัจจุบันกองทัพทหารเมียนมา ยังคงไว้ซึ่งอำนาจอย่างไร้ความชอบธรรม มีการเข้าโจมตีกลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายต่อประชาชนโดยรวม ดังเช่นการเข้าโจมตีและกดขี่ประชาชนในพื้นที่รัฐคะฉิ่น และพื้นที่เมืองโกในเขตรัฐฉานตอนเหนือ อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนในรัฐธรรมนูญปี 2008 ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าให้กองทัพเมียนมา เข้ามามีอำนาจที่จะปราบปรามและเข้าโจมตีในพื้นที่ของชาติพันธ์ุ ดังเช่นเมื่อ วันที่ 16 กันยายน 2559 ได้เข้าโจมตีฐานที่มั่น กี่ต่อน รัฐคะฉิ่น และเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2559 เข้าโจมตีฐานที่มั่น หล่ายผ่อง รัฐคะฉิ่น

ขณะเดียวกันการเข้าโจมตีแต่ละแห่งนั้น ได้ใช้อาวุธหนักอีกทั้งใช้เครื่องบินรบทิ้งระเบิดในแต่ละพื้นที่มากกว่าพันครั้งนอกจากนั้นแล้วยังทิ้งระเบิดโจมตีที่พักพิงอพยพ ซายอ่อง อันสร้างความเสียหายต่อผู้อพยพอย่างรุนแรงเมื่อช่วงปี 2011- 2016 กองทัพพม่าได้ทำการรบกับกองกำลังคะฉิ่น ได้สร้างความสูญเสีย ประชาชนได้อพยพเข้าไปในประ เทศจีน แต่ทางการจีนไม่อนุญาตให้เข้าไป ทำให้ผู้อพยพประสบความลำบาก ต้องอาศัยกินนอนอยู่บนถนน ใช้ใบตองปูนอนไม่มีหลักประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

และจากเหตุการณ์ดังกล่าวชาวคะฉิ่นในประเทศไทย จึงขอประณามการกระทำของกองทัพทหารพม่า และขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและกองทัพทหารพม่า ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลและกองทัพทหารพม่ายุติการโจมตีและกดขี่ข่มเหงประชาชนในรัฐคะฉิ่น และเขตรัฐฉานตอนเหนือ 2.ขอให้รัฐบาลพม่าทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีหายตัวไปของศาสนจารย์และอนุศาสนจารย์ในเขตพื้นที่เมืองโก พร้อมทั้ง ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลจีน ขอให้รัฐบาลจีนอนุญาตให้ผู้อพยพชาวคะฉิ่น ได้หนีภัยสงครามเข้าไปพักพิงในเขตประเทศจีน อีกทั้งขอให้ทางรัฐบาลจีนมีมนุษยธรรมต่อผู้อพยพชาวคะฉิ่น

นอกจากนี้แล้วเราชาวคะฉิ่นทราบว่ามีทหารของรัสเซีย ได้เข้ามาช่วยกองทัพทหารพม่าเข้าโจมตีรัฐคะฉิ่นอีกด้วย จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลรัสเซียขอให้รัฐบาลรัสเซียดำเนินการสอบสวน เอาผิดต่อกลุ่มบุคคลที่ให้การช่วยเหลือกองทัพทหารพม่าที่จะเข้ามาโจมตีรัฐคะฉิ่น

นาย ทอดฉา ชาวคะฉิ่นใน จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ชาวคะฉิ่นที่อาศัยอยู่ในเมียนมาอยู่ไม่ได้เลย พอหลบหนีไปที่ไหนทหารพม่าก็ตามมายิง มาทิ้งระเบิดตลอด ที่เดินทางมาวันนี้อยากขอให้รัฐบาลของอองซานซูจี ได้ช่วยเหลือขอให้ทหารพม่าหยุดโจมตีซักทีเพื่อให้ชาวคะฉิ่นมีชีวิตอยู่ได้ อย่างไรก็ตามภายหลังการชุมนุมในครั้งนี้ได้มีตัวแทนของทางกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ประจำ จ.เชียงใหม่ ออกมาพูดคุยและรับหนังสือดังกล่าวจากกลุ่มผู้ชุมนุม ก่อนที่ทางกลุ่มจะได้ทำการแยกย้ายกันกลับ โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ร่วมแสดงความคิดเห็น