กรมการขนส่งทางบก สนับสนุน!! การใช้รถยนต์พลังงานสะอาดจากไฟฟ้า

กรมการขนส่งทางบก สนับสนุน!! การใช้รถยนต์พลังงานสะอาดจากไฟฟ้า ปรับปรุงเงื่อนไขจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าที่จะนำมาใช้งานบนท้องถนนอย่างปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่สร้างปัญหาจราจร

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกมีนโยบายสนับสนุนการใช้ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกทดแทนการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกำหนดมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ อาทิ การลดภาษีรถประจำปีสำหรับรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ CNG เป็นเชื้อเพลิง รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของรัฐบาลซึ่งได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาและจัดทำแผนเพื่อสนับสนุนให้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทยในทุกมิติ โดยในส่วนของกรมการขนส่งทางบกได้มีการศึกษาเพื่อกำหนดคุณลักษณะยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่เหมาะสมและปลอดภัยเมื่อนำไปใช้งานร่วมกับรถอื่นบนท้องถนน ล่าสุดได้กำหนดกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าและความเร็วขั้นต่ำของรถที่จะนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ซึ่งเป็นการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาด้านวิศวกรรมยานยนต์ตามมาตรฐานสากล และให้มีความเหมาะสมกับสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประเทศไทย โดยกำหนดให้รถยนต์ (รถเก๋ง) ซึ่งมีน้ำหนักรถน้อยกว่า 450 กิโลกรัม โดยไม่รวมน้ำหนักแบตเตอรี่ หรือรถกระบะขนาดเล็กที่มีน้ำหนักรถน้อยกว่า 600 กิโลกรัม โดยไม่รวมน้ำหนักแบตเตอรี่ ต้องมีกำลังพิกัดมอเตอร์ไฟฟ้า (Rated Power) ไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจะต้องติดเครื่องหมายตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด (พื้นเครื่องหมายเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีน้ำเงินเข้ม ปรากฏข้อความ “รถขนาดเล็ก S” สีขาวสะท้อนแสง) เพื่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเป็นรถขนาดเล็กที่ใช้พลังงานไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ รถตู้ รถยนต์กระบะบรรทุกทั่วไปที่มีน้ำหนักรถไม่รวมน้ำหนักแบตเตอรี่มากกว่าที่กล่าวมาข้างต้น หากจะนำมาจดทะเบียนต้องมีกำลังพิกัดมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 15 กิโลวัตต์ และวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าที่เคยกำหนดไว้ในประกาศเดิม ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยและไม่กีดขวางการจราจรเมื่อใช้งานบนท้องถนนร่วมกับรถที่ใช้พลังงานประเภทอื่น

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ได้แก้ไขกำลังมอเตอร์ของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าโดยปรับลดลงจากที่เคยกำหนดไว้ 0.5 กิโลวัตต์ เป็นไม่น้อยกว่า 0.25 กิโลวัตต์ หรือไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ แต่ยังคงกำหนดให้มีความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมงเช่นเดิม สำหรับรถยนต์สามล้อรับจ้าง และสามล้อส่วนบุคคลยังคงกำหนดไว้ตามหลักเกณฑ์เดิม คือต้องมีกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และวิ่งได้ความเร็วไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งนี้ ปัจจุบันมีจำนวนรถพลังงานไฟฟ้าที่จดทะเบียนแล้วจำนวน 1,459 คัน โดยกรมการขนส่งทางบกให้ความสำคัญและพร้อมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานทางเลือกของประเทศ โดยต้องคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงความปลอดภัยต่อการขับขี่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด
———————————-
กลุ่มประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร
สำนักงานเลขานุการกรม
กรมการขนส่งทางบก
โทร. 0-2271-8805 – 6
Fax. 0-2271-8805

ร่วมแสดงความคิดเห็น