ขนส่งลงโทษหนัก ทัวร์ 30 ตรวจพบ มีช่องลับ ทะลุห้อง

ลงโทษหนัก……..นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งฯเชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และ พ.ท.ณัฐนันท์ สุขะหุต รองหัวหน้ากองกำลังพล มทบ.33 ทำการตรวจสอบรถทัวร์ 30 ที่ปล่อยนักท่องเที่ยวทิ้งกลางทางและสั่งลงโทษหนัก

ขนส่งเชียงใหม่เอาจริง ลงโทษสถานหนักรถโดยสารไม่ประจำทาง หรือ ”รถทัวร์ 30” หลังติดตามพฤติกรรมปล่อยนักท่องเที่ยวทิ้งกลางทาง สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ตรวจสอบพบการดัดแปลงสภาพรถ เจาะช่องลับด้านหลังคน ทะลุไปยังห้องเก็บกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารส่อพฤติกรรมมิจฉาชีพ

จากกรณีที่ได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 5 คน ได้เข้าแจ้งความกับทาง พ.ต.ท.นพดล พิมานศรีวิไล สารวัตรสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ว่าได้ถูกรถบัสนำมาปล่อยทิ้งกลางทาง นอกจากนี้จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าพบว่า เงินสกุลต่างประเทศรวมเป็นเงินไทยประมาณ 9 หมื่นบาท ได้หายไป โดยหลังจากที่ได้เกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดตามรถทัวร์ดังกล่าว ก่อนที่จะได้มีการดำเนินการตามกฎหมายตามที่ได่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ก.พ.60 นายชาญชัย กีฬาแปง หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยพ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ และพ.ท.ณัฐนันท์ สุขะหุต รองหัวหน้ากองกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 33 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ทำการตรวจสอบรถทัวร์คันดังกล่าวพบว่า ได้มีการเจาะช่องลับด้านหลังคน ทะลุไปยังห้องเก็บกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารใต้ท้องรถ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการอายัดรถทัวร์ดังกล่าวเอาไว้ เนื่องจากมีการดัดแปลงสภาพรถ และเครื่องยนต์ ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522

โดยทางด้าน นายชาญชัย กีฬาแปง หัวหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับในกรณีดังกล่าว เบื้องต้นทางสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ซึ่งพบว่ารถคันดังกล่าวได้มีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตตรา40 ในเรื่องของการที่นำรถโดยสารไม่ประจำทาง หรือ ” รถทัวร์ 30” กระทำการขนส่งอันมีลักษณะเช่นเดียวหรือคล้ายกับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางหรือมีลักษณะเป็นการแย่งผลประโยชน์กับผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางในเส้นทางที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทางได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษปรับตั้งแต่ 50,000-200,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีความผิดในเรื่องของการดัดแปลงสภาพรถซึ่งได้มีการเจาะช่องจากห้องคนขับไปยังที่เก็บสัมภาระของผู้โดยสาร ซึ่งตามระเบียบของกรมการขนส่งได้สั่งห้ามทำโดยเด็ดขาด เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งบอกเหตุของการไม่สุจริตใจ ผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตตรา 78 ห้ามมิให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงสภาพเครื่องอุปกรณ์หรือส่วนควบของรถให้ผิดแผกแตกต่างในสาระสำคัญตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ทั้งนี้จากการตรวจเช็คสภาพรถ เจ้าหน้าที่ยังพบว่ารถคันดังกล่าว ได้มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ โดยไม่ได้รับอนุญาติจากนายทะเบียน ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท นอกจากนี้ยังจะได้มีการดำเนินการกับผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนด ในด้านมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย โดยปล่อยปะละเลยให้มีการลักขโมยทรัพย์สินของผู้โดยสาร ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท

สำหรับในเรื่องของการดัดแปลงรถโดยการทำช่องลับ เพื่อที่จะนำไปสู่การขโมยทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวนั้น ถือเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากนี้กรมการขนส่งทางบกจะได้มีการจัดการขั้นเด็ดขาด โดนการถอนทะเบียนรถคันดังกล่าวนี้ ออกจากใบอนุญาติประกอบการขนส่ง รวมทั้งยึดใบขับขี่ผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว เนื่องจากผู้ขับขี่รถนั้น ย่อมมีส่วนรู้เห็นในพฤติกรรมดังกล่าว ถึงแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถหาหลักฐานมาดำเนินคดีได้ แต่พฤติการแวดล้อมต่างๆ ได้บ่งบอกถึงความไม่ชอบมาพากลทั้งหมดทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ก็จะได้อาศัยอำนาจของนายทะเบียนดำเนินการลงโทษขั้นสูงสุด

นอกจากนี้ทางด้าน พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวนคนขับ และพนักงานประจำรถ รวมถึงผู้ที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าว เพื่อที่จะติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ซึ่งในวันนี้ทุกฝ่ายได้มีการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยทันที และได้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด ทั้งนี้อยากฝากถึงประชาชนที่กำลังจะเดินทางมาเที่ยวยังจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้มั่นใจได้ว่าจังหวัดเชียงใหม่จะไม่ปล่อยปะละเลยกับการก่อเหตุอาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งถ้าหากผู้ใดพบเห็นการกระทำความผิดก็สามารถแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เราพร้อมที่จะดูแลนักท่องเที่ยวและประชาชนอย่างเต็มที่

ด้าน พ.ท.ณัฐนันท์ สุขะหุต รองหัวหน้ากองกำลังพล มณฑลทหารบกที่ 33 กล่าวว่า ในส่วนของทางทหาร จะได้มีการนำกรณีศึกษาตรงนี้ไปนำเรียนผู้บังคับบัญชา เพื่อที่จะทำการขยายผลให้กับทางเจ้าหน้าที่ทหารในทุกพื้นที่ ได้ช่วยกันสอดส่อง และกวดขัน เพื่อไม่ให้มีการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้รับความสงบเรียบร้อย

ร่วมแสดงความคิดเห็น