อดีตนักมวยอุทิศตน ช่วยเหลือผู้ป่วย ทำกายภาพบำบัด ที่ร.พ.สารภีบวรพัฒนา เคยทุกข์ทรมานมาก่อน

อุทิศตน………..นายเสน่ห์ เตชะ อายุ 56 ปี (ยืนซ้าย) อดีตนักมวยดังภาคเหนือ/ผู้รับเหมาก่อสร้าง ชาว ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เคยเกิดป่วยไขมันอุดตันทำการกายภาพบำบัดจนหาย แล้วได้อุทิศตนเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่น โดยให้คำแนะนำผู้ป่วยและคอยอำนวยความสะดวกให้ ช่วยงานแพทย์และพยาบาล ที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ตามข่าว

อดีตนักมวยดัง ที่เคยลงนวมซ้อมให้กับเขาทราย แกแล็คซี่ และสด จิตรดา เกิดป่วยไขมันอุดตัน ทำการกายภาพบำบัดจนหาย ได้อุทิศตนเป็นจิตอาสาช่วยเหลือผู้ป่วยรายอื่นเลย ทุกคนอายุช่วงประมาณ 50-60 ปี จะเป็นกัน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทั้งนี้มีอดีต “รอง ผบช.ภาค 5” ก็ต้องเข้า รพ.ไขมันอุดตัน เช่นกัน และอีกหลายราย ชาวบ้านเรียกกันว่า “โรคญาติพี่น้องเบื่อ เอื้อมระอา“ ช่วยตัวเองไม่ได้

เมื่อเวลา 09.00 น วันที่ 9 ก.พ.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ต.ชมภู อ.สารภี เชียงใหม่ ว่า มีผู้ป่วยรายหนึ่ง เป็นถึงอดีตนักมวยภาคเหนือ เกิดภาวะเส้นเลือดสมองตีบตันและเป็นอัมพฤกษ์ เดินไม่ได้มารับการรักษา ด้วยการกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล จนอาการดีขึ้นสามารถเดินได้ขยับแขนขาได้ และได้อาสาเป็นเจ้าหน้าที่จิตอาสา มาช่วยแพทย์พยาบาลในการดูแลผู้ป่วยรายต่อไปอีก

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา อ.สารภี จ.เชียงใหม่ บริเวณอาคารกายภาพบำบัดและได้พบกับ นายเสน่ห์ เตชะ อายุ 56 ปี อดีตนักมวยดังภาคเหนือ และผู้รับเหมาก่อสร้าง บ้านเดิมเลขที่ 6/3 หมู่ 3 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยนายเสน่ห์ ได้ช่วยให้คำแนะนำผู้ป่วยรายอื่น และคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ช่วยงานแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาล โดยมีคนไข้ที่มากายภาพบำบัด จำนวนมาก โดยนายเสน่ห์ ได้เข้าให้คำแนะนำและช่วยเหลือคนไข้ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย

นายเสน่ห์ เตชะ เจ้าหน้าที่จิตอาสา โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนนั้นเมื่อก่อนมีอาชีพนักมวยไทยอาชีพ เคยต่อยมาแล้ว 80 ครั้ง ชนะคะแนน 60 ครั้งนอกนั้นแพ้น๊อคประมาณ 20 ครั้ง ก็แล้วแต่โอกาสจังหวะ ใช้ชื่อต่อยมวยไทยครั้งนั้นว่า “น้องสิงห์ ศักดิ์อุดร” ตระเวนเดินสายต่อยมวยทั้งอีสาน เหนือ ภาคกลาง และยังเคยไปลงนวมเป็นคู่ซ้อมให้กับ เขาทราย กาแล็คซี่ และ สด จิตรดา อีกด้วย ตอนที่เขาทรายกับ สด ขึ้นมาป้องกันแชมป์ที่เชียงใหม่ ตนนั้นเริ่มต่อยมวยเมื่ออายุ 13 ปี ต่อยเรื่อยมา กระทั่งล่าสุดเมื่อปี 57 ยังหันเหชีวิตมาต่อยมวยย้อนยุค ด้วยตามอายุ

ก่อนที่จะต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เมื่อประมาณปี 57 ขณะที่ตนกำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนๆ นั้นรู้สึกวูบ เวียนศีรษะ อาเจียร ยังได้ยินเพื่อนได้บอกว่าให้นั่งลง หายใจลึกๆ ตนก็ทำตามและเมื่อรู้สึกดีขึ้น ก็ได้ไปที่รถและขับรถมายังโรงพยาบาลสารภีด้วยตนเองค่อยๆ ขับมาโดยเปิดไฟกระพริบตลอดทาง มายังโรงพยาบาลสารภีเชียงใหม่ เมื่อไปถึงก็เอารถไปจอดในที่จอดเรียสร้อย ตั้งสติได้ก็เดินไปพบหมอ พอถึงหมอแค่นั้นก็ไม่ไหว ลุกไม่ได้ หมอบอกอาการหนักมาก เส้นเลือดตีบตัน โชคดีที่เส้นเลือดที่สมองไม่แตก จากนั้นตนก็เดินไม่ได้ นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สารภี ระยะหนึ่งก็ได้ถูกส่งตัวมากายภาพบำบัดที่ โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (สารภี 2) ต่อ ทางแพทย์และพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็ได้ดูแลตนทำการรักษาให้ตนได้กายภาพบำบัดทุกวัน วันละ 20-30 นาที ตนก็ปฏิบัติตามหมอ, พยาบาล เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตลอดทุกวัน

จนอาการดีขึ้นตามลำดับ และทราบว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ทางงพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล อ.สารภี ร่วมกับประชาชนและศิษยานุศิษย์ รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันหาทุนมาสมทบกับทางภาครัฐ จนเกิดเป็นโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนาขึ้น ถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือในการกายภาพบำบัดที่ทันสมัยอีกแห่งหนึ่ง ตนก็ได้รักษาตนทำกายภาพบำบัดจน สามารถเดินได้ในที่สุดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี กว่า โรงพยาบาลสารภีบวรฯ นั้นทางพระครูบาน้อย ท่านเปิดโอกาสให้กับทุกคนทุกชนชั้น ไม่แบ่งแยก ตนซาบซิ้งอย่างมาก

เมื่อหายดีแล้วก็อยากจะตอบแทน รวมทั้งทางรัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่หายดีแล้วได้ทำงานกลับมารับใช้ช่วยเหลือผู้อื่นอีก ตนจึงได้สมัครเป็นจิตอาสา มาช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการแบบเดียวกับตนหรือที่มากายภาพบำบัด ให้คำแนะและคอยใช้เหลือผู้ป่วยรายอื่นเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่้ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ด้วย ความรู้ก็ได้มาจากตอนที่ตนรับการรักษาจากหมอ พยาบาลเจ้าหน้าที่ ก็จำและอาศัยความที่เคยเจ็บป่วยมาก่อน จึงได้ถ่ายทอดและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยรายอื่นได้อย่างแม่นยำ และถูกวิธีเลยทีเดียว พร้อมทั้งพูดให้กำลังใจกับผู้ป่วยบางรายที่เกิดอาการท้อแท้ ให้ต่อสู้ต่อไปอีก เป็นความภาคภูมิใจของตนอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณภาครัฐ และทางครูบาน้อย ช่วยเหลือประชาชนต่อไป

ตอนที่ตนล้มป่วยแบบฉับพลันนั้นเพื่อนๆ ด้วยกันแทบไม่เชื่อ เพราะตนนั้นเป็นนักมวยสภาพร่างกายแข็งแรงมาก แต่ก็ต้องเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ แบบนี้ และมีเพื่อนของตนอีกคนที่เป็นนักมวยเช่นกัน ชื่อในการชกมวย คือ “ไฟแดงเล็ก เพชรภูธร” ก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ เหมือนกับตนและก็มากายยภาพบำบัดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ก็หายเช่นกัน เดินทางไปทำงานที่ภาคกลางแล้วในขณะนี้ การเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ นั้นจะเป็นอย่างฉับพลัน ก็ให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่าประมาท โรคพวกนี้ถือว่าเป็นโรคที่ญาติพี่น้อง แม้แต่ลูกหลาน ยังเอื่อมระอา ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นภาระของลูกหลาน ผู้ป่วยเองก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ทรมานอย่างมากทั้งกายและจิตใจ

สำหรับตนนั้นตนได้เช็คประวัติบรรพบุรุษของตนก็ทราบมาว่า การเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ ของตนในครั้งนี้น่าจะมาจากกรรมพันธ์ พ่อแม่พี่น้องของตนเป็นกันทุกคน วิธีแก้ไขรักษาก็มีคือต้องออกกำลังกายให้พอดีกับร่างกาย ดื่มน้ำเยอะไป กินอาหารที่ถูกต้อง แค่นั้นเองโรคอัมพฤกษ์ อัมพาธ ก็จะห่างไกล นี่จำมาจากคุณหมอที่ให้คำแนะนำและรักษาผม บางรายไปหาหมอไม่ทัน เส้นเลือดสมองแตก เสียชีวิตก่อนก็มี เพื่อนผมที่เป็นนักมวย อีกคนชื่อ ในการต่อยมวย ว่า “รัตนัย ชัยนิยม” เพื่อนนักมวยก็เส้นเลือดสมองแตกเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ตนกับเพื่อนนักมวยต้องมีสติและเมื่อมาถึงตนเองก็ต้องรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลอย่างเคร่งครัด แล้วก็จะดีขึ้น

ผู้ป่วยอีกราย พล.ต.ต.สุวัฒน์ กรึงไกร อายุ 68 ปี อดีต รอง ผบช.ภาค 5 ซึ่งได้เข้ามาทำกายภาพบำบัดที่ รพ.สารภีบวรพัฒนา อ.สารภี เชียงใหม่เช่นกัน ได้เปิดเผยว่า ตนนั้นจู่ ๆ ขณะนอนอยู่ก็เกิดอาการปากเบี้ยว แขนขาไม่มีแรง คล้ายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ ถูกนำตัวส่ง รพ.เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 59 และแพทย์ได้ทำการรักษา กระทั่งต่อมาก็ได้ถูกส่งตัวมากายภาพบำบัดที่ รพ.สารภีบวรพัฒนา แห่งนี้ ตอนนี้เริ่มอาการดีขึ้น โรคนี้จะมาหาทุกคนในช่วงอายุประมาณ 50-60 กว่าปี ทุกคน ทรมานอย่างมาก ญาติพี่น้องต้องมาเดือดร้อน ทรมานทั้งจิตใจและกาย แต่ก็มีวิธีการป้องกัน คือ ออกกำลังกาย กินอาหารที่ไม่ทอดไม่มีไขมันมาก

อดีตนักมวย อดีตเคยลงนวมซ้อมให้กับเขาทราย และสด จิตรดา ไขมันอุดตัน กายภาพบำบัดจนหาย อุทิศตนเป็นจิตอาสา ช่วยเหลือผุ้ป่วยรายอื่น เลย ทุกคนอายุช่วงประมาณ 50-60 ปี จะเป็นกัน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อดีต รอง ผบช.ภาค 5 ก็ต้องเข้า รพ.ไขมันอุดตัน เช่นกัน และอีกหลายราย ชาวบ้านเรียกกันว่า “โรคญาติพี่น้องเบื่อ เอื้อมระอา“ ช่วยตัวเองไม่ได้

เมื่อเวลา 09.00 น วันที่ 9 ก.พ.60 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ต.ชมภู อ.สารภี เชียงใหม่ ว่า มีผู้ป่วยรายหนึ่ง เป็นถึงอดีตนักมวยภาคเหนือ เกิดภาวะเส้นเลือดสมองตีบตันและเป็นอัมพฤกษ์ เดินไม่ได้มารับการรักษา ด้วยการกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล จนอาการดีขึ้นสามารถเดินได้ขยับแขนขาได้ และได้อาสาเป็นเจ้าหน้าที่จิตอาสา มาช่วยแพทย์พยบาลในการดูแลผู้ป่วยรายต่อไปอีก

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา อ.สารภีเชียงใหม่ บริเวณอาคารกายภาพบำบัดและได้พบกับ นายเสน่ห์ เตชะ อายุ 56 ปี อดีตนักมวยดังภาคเหนือ และผู้รับเหมาก่อสร้าง บ้านเดิมเลขที่ 6/3 หมู่ 3 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยนายเสน่ห์ ได้ช่วยให้คำแนะนำผู้ป่วยรายอื่น และคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วย ช่วยงานแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาล โดยมีคนไข้ที่มากายภาพบำบัด จำนวนมาก โดยนายเสน่ห์ ได้เข้าให้คำแนะนำและช่วยเหลือคนไข้ ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย

นายเสน่ห์ เตชะ เจ้าหน้าที่จิตอาสา โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้เปิดเผยวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนนั้นเมื่อก่อนมีอาชีพนักมวยไทยอาชีพ เคยต่อยมาแล้ว 80 ครั้ง ชนะคะแนน 60 ครั้งนอกนั้นแพ้น๊อคประมาณ 20 ครั้ง ก็แล้วแต่โอกาสจังหวะ ใช้ชื่อต่อยมวยไทยครั้งนั้นว่า “น้องสิงห์ ศักดิ์อุดร” ตระเวนเดินสายต่อยมวยทั้งอีสาน เหนือ ภาคกลาง และยังเคยไปลงนวมเป็นคู่ซ้อมให้กับ เขาทราย กาแลคซี่ และ สด จิตรดา อีกด้วย ตอนที่เขาทรายกับ สด ขึ้นมาป้องกันแชมป์ที่เชียงใหม่ ตนนั้นเริ่มต่อยมวยเมื่ออายุ 13 ปี ต่อยเรื่อยมา กระทั่งล่าสุดเมื่อปี 57 ยังหันเหชีวิตมาต่อยมวยย้อนยุค ด้วยตามอายุ

ก่อนที่จะต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ เมื่อประมาณปี 57 ขณะที่ตนกำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนๆ นั้นรู้สึกวูบ เวียนศีรษะ อาเจียร ยังได้ยินเพื่อนได้บอกว่าให้นั่งลง หายใจลึกๆ ตนก็ทำตามและเมื่อรู้สึกดีขึ้น ก็ได้ไปที่รถและขับรถมายังโรงพยาบาลสารภีด้วยตนเองค่อยๆ ขับมาโดยเปิดไฟกระพริบตลอดทาง มายังโรงพยาบาลสารภีเชียงใหม่ เมื่อไปถึงก็เอารถไปจอดในที่จอดเรียสร้อย ตั้งสติได้ก็เดินไปพบหมอ พอถึงหมอแค่นั้นก็ไม่ไหว ลุกไม่ได้ หมอบอกอาการหนักมาก เส้นเลือดตีบตัน โชคดีที่เส้นเลือดที่สมองไม่แตก จากนั้นตนก็เดินไม่ได้ นอนรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สารภี ระยะหนึ่งก็ได้ถูกส่งตัวมากายภาพบำบัดที่ โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา (สารภี 2) ต่อ ทางแพทย์และพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็ได้ดูแลตนทำการรักษาให้ตนได้กายภาพบำบัดทุกวัน วันละ 20-30 นาที ตนก็ปฏิบัติตามหมอ, พยาบาล เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำตลอดทุกวัน

จนอาการดีขึ้นตามลำดับ และทราบว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่ทางงพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล อ.สารภี ร่วมกับประชาชนและศิษยานุศิษย์ รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมกันหาทุนมาสมทบกับทางภาครัฐ จนเกิดเป็นโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนาขึ้น ถือว่าเป็นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือในการกายภาพบำบัดที่ทันสมัยอีกแห่งหนึ่ง ตนก็ได้รักษาตนทำกายภาพบำบัดจน สามารถเดินได้ในที่สุดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี กว่า โรงพยาบาลสารภีบวรฯ นั้นทางพระครูบาน้อย ท่านเปิดโอกาสให้กับทุกคนทุกชนชั้น ไม่แบ่งแยก ตนซาบซิ้งอย่างมาก

เมื่อหายดีแล้วก็อยากจะตอบแทน รวมทั้งทางรัฐบาลเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยที่หายดีแล้วได้ทำงานกลับมารับใช้ช่วยเหลือผู้อื่นอีก ตนจึงได้สมัครเป็นจิตอาสา มาช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการแบบเดียวกับตนหรือที่มากายภาพบำบัด ให้คำแนะและคอยใช้เหลือผู้ป่วยรายอื่นเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่้ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ด้วย ความรู้ก็ได้มาจากตอนที่ตนรับการรักษาจากหมอ พยาบาลเจ้าหน้าที่ ก็จำและอาศัยความที่เคยเจ็บป่วยมาก่อน จึงได้ถ่ายทอดและให้คำแนะนำกับผู้ป่วยรายอื่นได้อย่างแม่นยำ และถุกวิธีเลยทีเดียว พร้อมทั้งพูดให้กำลังใจกับผู้ป่วยบางรายที่เกิดอาการท้อแท้ ให้ต่อสู้ต่อไปอีก เป็นความภาคภูมิใจของตนอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสตอบแทนบุญคุณภาครัฐ และทางครูบาน้อย ช่วยเหลือประชาชนต่อไป

ตอนที่ตนล้มป่วยแบบฉับพลันนั้นเพื่อนๆ ด้วยกันแทบไม่เชื่อ เพราะตนนั้นเป็นนักมวยสภาพร่างกายแข็งแรงมาก แต่ก็ต้องเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ แบบนี้ และมีเพื่อนของตนอีกคนที่เป็นนักมวยเช่นกัน ชื่อในการชกมวย คือ “ไฟแดงเล็ก เพชรภูธร” ก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ เหมือนกับตนและก็มากายยภาพบำบัดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ก็หายเช่นกัน เดินทางไปทำงานที่ภาคกลางแล้วในขณะนี้ การเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ นั้นจะเป็นอย่างฉับพลัน ก็ให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่าประมาท โรคพวกนี้ถือว่าเป็นโรคที่ญาติพี่น้อง แม้แต่ลูกหลาน ยังเอื่อมระอา ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เป็นภาระของลูกหลาน ผู้ป่วยเองก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ทรมานอย่างมากทั้งกายและจิตใจ

สำหรับตนนั้นตนได้เช็คประวัติบรรพบุรุษของตนก็ทราบมาว่า การเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ ของตนในครั้งนี้น่าจะมาจากกรรมพันธ์ พ่อแม่พี่น้องของตนเป็นกันทุกคน วิธีแก้ไขรักษาก็มีคือต้องออกกำลังกายให้พอดีกับร่างกาย ดื่มน้ำเยอะไป กินอาหารที่ถูกต้อง แค่นั้นเองโรคอัมพฤกษ์ อัมพาธ ก็จะห่างไกล นี่จำมาจากคุณหมอที่ให้คำแนะนำและรักษาผม บางรายไปหาหมอไม่ทัน เส้นเลือดสมองแตก เสียชีวิตก่อนก็มี เพื่อนผมที่เป็นนักมวย อีกคนชื่อ ในการต่อยมวย ว่า “รัตนัย ชัยนิยม” เพื่อนนักมวยก็เส้นเลือดสมองแตกเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ตนกับเพื่อนนักมวยต้องมีสติและเมื่อมาถึงตนเองก็ต้องรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลอย่างเคร่งครัด แล้วก็จะดีขึ้น

ผู้ป่วยอีกราย พล.ต.ต.สุวัฒน์ กรึงไกร อายุ 68 ปี อดีต รอง ผบช.ภาค 5 ซึ่งได้เข้ามาทำกายภาพบำบัดที่ รพ.สารภีบวรพัฒนา อ.สารภี เชียงใหม่เช่นกัน ได้เปิดเผยว่า ตนนั้นจู่ ๆ ขณะนอนอยู่ก็เกิดอาการปากเบี้ยว แขนขาไม่มีแรง คล้ายเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ ถูกนำตัวส่ง รพ.เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 59 และแพทย์ได้ทำการรักษา กระทั่งต่อมาก็ได้ถูกส่งตัวมากายภาพบำบัดที่ รพ.สารภีบวรพัฒนา แห่งนี้ ตอนนี้เริ่มอาการดีขึ้น โรคนี้จะมาหาทุกคนในช่วงอายุประมาณ 50-60 กว่าปี ทุกคน ทรมานอย่างมาก ญาติพี่น้องต้องมาเดือดร้อน ทรมานทั้งจิตใจและกาย แต่ก็มีวิธีการป้องกัน คือ ออกกำลังกาย กินอาหารที่ไม่ทอดไม่มีไขมันมาก

ด้านนายเหลี่ยว อั่นได ผู้ป่วยชาวเวียดนาม อายุ 89 ปี ที่มาอยู่ในประเทศไทยและเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และถูกส่งตัวมาบำบัดรักษาที่ รพ.สารภีบวรพัฒนาแห่งนี้และญาติพี่น้องก็ปล่อยทิ้งไว้ไม่เคยมาอีกเลย ทาง รพ.สารภีบวรพัฒนา ก็ได้ให้ดูแล โดยคุณลุงได้เปิดเผยว่า โรคกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง โรคเส้นเลือดสมองแตก อุดตัน ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาธ นั้นถือว่าเป็นโรคที่ญาติพี่น้องเบื่อ เอื้อมระอา เพราะช่วยตัวเองไม่ได้ ลูกหลานต้องคอยมาเช็ดอุจจาระ ปัสสาวะต่างๆ แม้แต่คนไข้เองก็รู้สึกไม่สบายใจ เกรงใจลูกหลาน อย่างมาก หากอาการไม่หนักกายภาพบำบัดแล้วอาการดีขึ้นลุกเดินไปห้องน้ำได้ก็ถือว่าโชคดีไป แต่หากเดินไม่ได้ต้องนอนตลอดชีวิตนั้นถือว่า เป็นเวรกรรม ทรมานที่สุด ทั้งคนไข้และญาติพี่น้องเอง ออกกำลัง และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ไม่สะสมไขมัน หรือน้ำตาล ดีที่สุด
นางสาวหิรัญญา อารี นักกายภาพบำบัด โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้เปิดเผยว่า คุณเสน่ห์ นั้นเมื่อก่อนเป็นผู้ป่วยที่นี่มารับการรักษาบำบัดจนอาการดีขึ้นแล้วท่านก็อุทิศตนเป็นจิตอาสาให้กับโรงพยาบาลอาศัยประสบการณ์ และจำคำแนะนำของแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ คุณเสน่ห์ช่วยทางโรงพยาบาลได้เยอะเลย พูดให้กำลังใจผู้ป่วยได้อย่างดี การมาทำกายภาพบำบัดนั้นอันดับแรก ผู้ป่วยจะต้องมาเข้าเครื่องเป็นเตียงปรับระดับก่อน ตรวจวัดความดัน เตียงนี้จะปรับระดับให้ผู้ป่วยได้ลุกยืนให้เลือดได้เดินสะดวก จากนั้นก็ทำการกายภาพบำบัดต่อเนื่องเลย ตอนนี้ก็มีผู้มาทำการกายภาพบำบัดหลายราย ทั้งอดีตข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ประชาชนทั่วไป โดยมีคุณเสน่ห์ ได้ให้คำแนะนำและให้กำลังใจผู้ป่วยตลอด ช่วยได้เยอะเลย

ร่วมแสดงความคิดเห็น