แม่ทัพช้างศึก แย้มเรื่องนักเตะ มั่นใจสู้ญี่ปุ่นได้

“ซิโก้” แย้มจะเปิดโผ 23 แข้งก่อนดวล ซาอุดิอาระเบีย 1 วัน เนื่องจากเล่นในบ้านสามารถส่งชื่อในช่วงนั้นได้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันการได้เห็น เอสซีจี เมืองทองฯ เสมอ บริสเบน รอว์ 0-0, ชนะ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส 2-1 คือสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่า “ช้างศึก” มีโอกาสต่อกรกับ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ได้ แต่ทุกคนกำลังกระหายกับ 5 เกมที่กำลังจะเกิดขึ้นในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่ม บี

“ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับการเผยโฉม 23 ขุนพลจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในการดวลกับ ซาอุดิอาระเบีย (ห) วันที่ 23 มี.ค.60 และ ญี่ปุ่น (ย) วันที่ 28 มี.ค.60 ของเวิลด์ คำ 2018 ฉบับควอลิฟายด์ เอเชีย รอบ 12 ทีม ว่า

“ผมได้เรียนกับท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย (พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) ไปแล้วว่า เราจะทำการประกาศรายชื่อช้าหน่อย เนื่องจากเราเป็นเจ้าบ้าน ไม่จำเป็นต้องรีบส่งรายชื่อ เพราะเราไม่ต้องจองตั๋วเครื่องบิน ทว่าเราเตรียมพร้อมไว้ 2 เกมแล้วในช่วงที่ผ่านมา”

“ทั้งการรับมือ ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 23 มี.ค.60 ก่อนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่น วันที่ 24 มี.ค. 60 เพื่อลงเล่นในวันที่ 28 มี.ค.60 ซึ่งรายชื่อได้เรียนกับท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทั้งนักเตะหน้าเก่าและใหม่แล้วว่าจะมีใครบ้าง เนื่องจากเราต้องรอทาง เอสซีจี เมืองทองฯ กลับมาจากการลงเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2017 ที่จะทำการแข่งขันในวันที่ 14 มี.ค.นี้ เสียก่อน”

“ฉะนั้นเราจำเป็นต้องเปิดโอกาสให้กับนักเตะคลื่นลูกใหม่ เข้ามาร่วมทีมชาติไทยเสียก่อน เราจะไม่ปิดกั้นคนที่มีศักยภาพในลีก ซึ่งผมจะประกาศรายชื่อทั้ง 23 คน ก่อนที่จะเจอกับ ซาอุดิอาระเบีย ก่อนแข่ง 1 วัน ทว่าในวันที่ 13 มี.ค.นี้ จะเรียกเข้ามาเก็บตัวเป็นลำดับแรก”

พร้อมกันนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ยังได้พูดถึงเป้าหมายที่แท้จริงของทีมว่า “การก้าวมาสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย ของศึกฟุตบอลโลก 2018 รอยคัดเลือก โซนเอเชีย ถือว่าเราห่างจากรอบนี้มานานมาก หลังจากเคยเข้าสู่รอบ 10 ทีมสุดท้าย เมื่อ 10 กว่าปีก่อน”

“ซึ่งเราจำเป็นต้องค่อยๆก้าวไปทีละ สเต็ป หลังจากเราหลุดมาจากอาเซียนได้แล้ว ทว่าจากนี้ไปเรายังเหลืออีก 5 นัด เริ่มต้นที่การเจอกับ ซาอุดิอาระเบีย ก่อนบุกไปเยือน ญี่ปุ่น โดยนักเตะของเราที่อยู่กับ เอสซีจี เมืองทองฯ ทำให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถล่มทีมแชมป์ เจ ลีก อย่าง คาชิมา แอนท์เลอร์ส ได้ในถ้วยเอเชีย”

“ไม่เพียงเท่านี้พวกเขายังสามารถต่อกรยันเสมอกับ บริสเบน รอว์ ถึงออสเตรเลียได้ นี่จึงเป็นการจุดประกายให้กับทุกคนว่า ทีมชาติไทยน่าจะมีดีพอในการสู้กับญี่ปุ่น ทว่าทั้งหมดยังเป็นบทพิสูจน์ที่นักเตะจะต้องทำงานกันอย่างหนักต่อไป”

อดีตกองหน้าจอมตีลังกา ยังบอกต่อว่า “เวลานี้นักเตะทีมชาติไทย มีความกระหายอย่างมากในการพบกับ ซาอุดิอาระเบีย วันที่ 23 มี.ค.นี้ หลังจากที่โดนจุดโทษในเกมแรกจนแพ้มา 0-1 ให้ทุกคนอยากจะล้างแค้นกับบรรยากาศกองเชียร์ของเราที่เต็มสนามราชมังคลากีฬาสถาน”

“หากว่าเราสามารถเอาชนะได้ในเกม ดังกล่าว จะส่งผลต่อความมั่นใจของทีม ในการบุกไปเยือนญี่ปุ่น และถ้าได้สกอร์ที่ดีกลับมา เราจะเล่นในบ้านนัดที่ 8-9 พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับ อิรัก ก่อนที่จะไปเล่นในรังของ ออสเตรเลีย เป็นนัดสุดท้าย”

“ทั้ง 5 นัดที่ผมบอกมา ทุกคนหวังต้องการทำผลงานให้ออกมาดีที่สุด มีความกระหายอย่างมากทีเดียว ตอนนี้ทีมชาติไทยไม่กลัวใครอีกต่อไปแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับจังหวะ โอกาส ในการเข้าทำสกอร์ ยิ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้มีเกมอุ่นเครื่องกับทีมที่แรงกิ้งสูงกว่า จะส่งผลในด้านดีของทีมอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยถึงอันดับโลกของเรา ตลอดจนการได้เห็นนักเตะหน้าใหม่ว่าจะเข้ากับระบบของทีมหรือไม่”

ร่วมแสดงความคิดเห็น