คนเชียงดาว รวมพลัง มอบน้ำดื่ม-หน้ากาก ส่งกำลังใจชุดเสือไฟ

ทุกภาคส่วนใน อ.เชียงดาวรวมพลังกันในช่วงเวลา “60 วันห้ามเผาเราทำได้” 20 ก.พ. – 20 เม.ย. 60

นายสราวุฒิ วรพงษ์ นายอำเภอเชียงดาว เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ได้ลงนามประกาศ จ.เชียงใหม่ เรื่องการกำหนดเวลา “60 วันแห่งการห้ามเผา 20 ก.พ. -20 เม. ย 60” เพื่อเป็นการป้องกัน และลดปัญหาหมอกควันไฟป่า อ.เชียงดาว จัดกิจกรรมทำแนวกันไฟ และลดปริมาณเชื้อเพลิง ในช่วงก่อนเวลาห้ามเผาพร้อมกันนั้น ยังได้ตั้งคณะกรรมการระดับอำเภอ เพื่อบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบประชารัฐ อาทิ การประชุมหมู่บ้านจัดชุดดับไฟป่า หมู่บ้านละ 25 คน การรณรงค์ประชาสัมพันธ์เสียงตามสาย ในทุกหมู่บ้านทั้งภาษาท้องถิ่นภาษาชนเผ่า ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนในสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อช่วยเป็นกระบอกเสียงไปในทุกๆครอบครัวประสานวิทยุชุมชนเครือข่ายสังคมในท้องถิ่น ขอความร่วมมือประชาชนในทุกพื้นที่ ช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการร่วมกันหยุดเผาในช่วงเวลาที่กำหนด และแจ้งเบาะแสผู้ทำการเผาป่าโดยมีรางวัลนำจับ 5,000 บาท

ข่าวรายงานว่าปัญหาสำคัญของ อ.เชียงดาว ก็คือ พื้นที่กว้างขวางและมีป่าไม้ภูเขาสูงชันเป็นอุปสรรคในการเข้าไปดับไฟ ที่มักจะมีคนลักลอบเผา ทั้งหาของป่า ล่าสัตว์ และปรับพื้นที่ทางการเกษตร

นายสนั่น เผือกพันธุ์ หัวหน้าหน่วยส่งเสริมควบคุมไฟป่าเชียงดาว เปิดเผยว่า ในพื้นที่ อ.เชียงดาว มีหน่วยงานรับผิดชอบคือ

1. หน่วยส่งเสริมการควบคุมไฟป่าเชียงดาวกรมป่าไม้                                                                      2. หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชม 9 (เชียงดาว) กรมป่าไม้                                                                    3. สถานีดับไฟป่าผาแดงกรมอุทยาน ฯ
4. สถานีดับไฟป่าเชียงดาวกรมอุทยานฯ
5. หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ชม 5 (ปิงโค้ง) อุทยานฯ ผู้แต่ง: ผู้แต่ง: กรม
และยังได้รับความสามารถด้านร่วมมือจากเนชั่น หน่วยพิทักษ์รักษาออกพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว สวนป่า อ.อ.ป. องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น อบต.เทศบาลชุดหนังสือ อส. อ.เชียงดาว ตชด.335  ตำรวจ สภ.เชียงดาว สภ.นาหวาย ทหารฉก.ม. 5 แขวงการทางปิงโค้ง และชาวบ้านจิตอาสาอีกจำนวนมาก โดยล่าสุด มีการประกาศเชิญชวนผ่านสถานีวิทยุชุมชน และสื่อโซเชียล ให้คนเชียงดาวร่วมส่งน้ำใจ เช่น น้ำดื่มบรรจุขวด หน้ากากอนามัย อาหารสำเร็จรูป ฯลฯ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ให้แก่ชุดดับไฟทุกชุดในพื้นที่ โดยได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน จำนวนมาก

และจากข้อมูล ของศูนย์อำนวยการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน อ.เชียงดาว ในช่วงตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. – 5 มี.ค. มีจุดจุดร้อนทั้งสิ้น 12 จุดทั้งที่มีไฟป่าเกิดขึ้นมากกว่านั้น แต่เจ้าหน้าที่สามารถดับได้ ในเวลาอันรวดเร็วทันทีที่ได้รับแจ้งศูนย์อำนวยการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน อ.เชียงดาว ได้ส่งข้อมูลพิกัดประสานบูรณาการทำงานกับทุกหน่วยผ่านแอปพิเคชั่นไลน์ “มือปราบไฟป่า” ซึ่งน่ายินดีที่ทุกหน่วยเร่งให้การช่วยเหลือดับไฟโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ไม่มีเกี่ยงกันทำงาน ส่งผลให้ผืนป่าถูกเผาไหม้น้อยลง และยังลดมลพิษในอากาศ ไม่ให้เกินค่าวิกฤติ อันจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม

ผลจากการทำงานร่วมมือกัน ทำให้สามารถลดจำนวนจุดจุดร้อนจาก 187 จุดปี 2558 เหลือ 107 จุดในปี 2559 โดยปีนี้มุ่งหวังให้ ไม่เกิน 80 จุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น