ตร.เชียงดาวฟิตจัด จับยาบ้า 5 คดีซ้อนวันเดียว

 

 

ตร.เชียงดาวฟิตจัด จับยาบ้า 5 คดีซ้อนวันเดียว ส่ง อส.หญิงอยู่ด่านปรับแผนตรวจค้นยาเสพติด สามารถโชว์ผลงาน จับหญิง ยัดยาบ้าในช่องคลอดได้ เผยสถานการณ์ยาเสพติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด ยังคงมีความพยายามลำเลียงเข้ามาอย่างต่อเนื่องในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะผู้หญิงมักนำยาบ้าซุกช่องคลอดบ่อยครั้ง

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 22 มี.ค. 60 โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 และ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังเรื่องการลักลอบลำเลียงยาเสพติดและสิ่งผิดกฏหมายในทุกพื้นที่่ โดยเฉพาะพื้นที่ติดแนวชายแดนอย่าง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ล่าสุดทางด้าน พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงดาว พร้อมด้วย พ.ต.ท.ตระกูล พิทาคำ รอง ผกก.สส. พร้อมด้วย พ.ต.ต.ดวงเด็ด กันทะคำ สว.สส. พร้อมพวก จับกุม นางพิมพิกา หรือดาว จะเตาะ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 282 หมู่ที่ 13 ต.แม่นาวาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่า มีและเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ณ บริเวณด่านตรวจแก่งปันเต๊า ม.10 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว

ทั้งนี้ก่อนการจับกุมในขณะที่เจ้าหน้าที่ด่านแก่งปันเต๊า ได้เรียกตรวจรถ จ.ย.ย.ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก-ไอ สีแดง หมาย เลขทะเบียน จยม 65 เชียงใหม่ โดยมีนางพิมพิกา เป็นผู้ขับขี่ มาจาก อ.เชียงดาว มุ่งหน้า เข้าเมืองเชียงใหม่ เมื่อ อส.ตำรวจหญิงเข้าไปพูดคุย ผู้ต้องหาแสดงการเป็นพิรุธ เจ้าหน้าที่ อส.ตำรวจที่เป็นผู้หญิง จึงขออนุญาตตรวจค้นร่างกายโดยละเอียด ผลการตรวจค้นพบยาบ้า ซุกซ่อนอยู่ช่องคลอดของ นางพิมพิกา จำนวน 15 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงยางอนามัย จึงนำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายผล จากการสอบสวน ยอมรับว่าของกลางดังกล่าว เป็นของตนเอง ให้เพื่อนบ้านที่เสพยาด้วยกันไปซื้อให้ เพื่อจะนำไปเสพเองที่ตัวเมืองเชียงใหม่ จึงคิดหาวิธีด้วยการยัดช่องคลอด กระทั่งมาถูกตรวจค้นได้ดังกล่าว

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สังเกตว่า ในช่วงระยะหลังนี้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยการจ้างผู้หญิงนำยาเสพติดบรรจุถุงยางอนามัย และซุกซ่อนในช่องคลอด เพื่อยากต่อการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชาย ซึ่งไม่สามารถตรวจค้นอย่างละเอียดถึงภายในได้ ทำให้ผู้บังคับบัญชาของ สภ.เชียงดาว มีการปรับแผนโดยมีการเพิ่ม อส.ผู้หญิง ซึ่งนอกจากจะมาทำงานช่วยด้านการอำนวยความสะดวก ด้านการจราจรและตามหน้าที่ได้รับมอบหมาย เหมือน อส.ชายแล้ว อส. หญิงยังได้เข้ามาทำหน้าที่ตรวจค้นยาเสพติด ในตัวผู้ต้องสงสัยเพศหญิงอีกด้วย และหลังจากการเพิ่ม อส.หญิงเข้ามาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำด่าน ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาหญิงที่นำยาบ้าซุกช่องคลอดได้มาก กว่า 6 คดี นับตั้งแต่ช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จนได้รับความชมเชยจากผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างมากด้วย

ในวันเดียวกัน ทางชุดสืบสวน สภ.เชียงดาว ตรวจค้นบ้าน บ้านเลขที่ 104 หมู่ที่ 7 ต.แม่นะ มี นายพุฒชงค์ สุวดี (ทราบชื่อสกุลภายหลัง) อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงได้แสดงหมายค้นให้ นายพุฒชงค์ เป็นผู้นำการตรวจค้น พบของกลาง ยาบ้าจำนวน 142 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้า ซุกซ่อนอยู่ในตลับลูกอมสีเขียว พบอยู่ในกระเป๋าผ้าสีเขียวอีกชั้นหนึ่ง วางอยู่ข้างๆที่นอนในห้องนอนที่นายพุฒชงค์ นอนอยู่ จากการสอบถาม นายพุฒชงค์ รับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองจริง และยังรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ จึงได้นำตัว นายพุฒชงค์ ไปทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดที่ รพ.เชียงดาว ผลการตรวจเบื้องต้นพบสารเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ในปัสสาวะของ นายพุฒชงค์ ชุดจับกุม จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.เชียงดาว เพื่อดำเนินการต่อไป

จากการซักถามขยายผล นายพุฒชงค์ ได้ความว่าได้ฝากซื้อยาบ้า จากชาวเขาเผ่าปะหร่อง (ไม่ทราบชื่อสกุล) อายุประมาณ 30-35 ปี สูงประมาณ 160 ซม. ผิวคล้ำ จำนวน 1 ถุง (200 เม็ด) ในราคา 7,000 บาท ที่บ้านมูเซอปางแดง ม.9 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำหมายค้นของศาล จ.เชียงใหม่ ทำการตรวจค้นบ้าน นายณัฐพงค์ พรมอินตา อายุ 25 ปี เลขที่ 540 หมู่ที่ 4 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว โดยให้นายณัฐพงค์ เป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่อย่างใด

จากการสอบถาม นายณัฐพงค์ ให้การยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ ชุดจับกุมจึงได้นำตัวนายณัฐพงค์ ไปทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดที่ รพ.เชียงดาว ผลปรากฎมีสารเสพติดในร่างกายจริง จึงควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.เชียงดาว เพื่อดำเนินการต่อไป จากการซักถามขยายผล นายณัฐพงค์ ได้ซื้อยาจาก นายพุฒชงค์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านั้น โดยจะโทรนัดรับส่งยาบ้ากันที่ข้างถนนหน้าป่าช้า บ้านห้วยโจ้ หมู่ 4 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว ครั้งละ 40-50 เม็ดในราคาเม็ดละ 80 บาท

อีกหนึ่งคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงดาว ได้ออกตรวจเยี่ยมประชาชน เพื่อติดตามผลโครงการบ้านสีขาว บ้านแก่งปันเต๊า ม.10 ต.แม่นะ ได้พบปะพูดคุยประชาชนในหมู่บ้าน และสืบทราบว่าภายในหมู่บ้านดังกล่าว ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอยู่ จึงได้ร่วมกันออกตรวจไปตามถนนภายในหมู่บ้าน พบนายภู อายุ 19 ปี ที่อยู่ 34 หมู่ 10 ต.แม่นะ ขี่รถ จ.ย.ย.ฮอนด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน คยพ 72 เชียงใหม่ ผ่านมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่แล้วแสดงท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจค้น พบของกลางยาบ้าจำนวน 3 เม็ด ห่อหุ้มด้วยพลาสติกใส ซุก ซ่อนอยู่ในกางเกงชั้นในด้านหน้า ตัวที่ผู้ต้องหาสวมใส่อยู่ ผู้ต้องหารับว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเอง และรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ด้วย

หลังถูกจับกุมรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวซื้อมาจากชายไม่ทราบชื่อ-นามสกุลที่บริเวณถนนเชียง ใหม่-ฝาง บริเวณบ้านห้วยโจ้ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จำนวน 3 เม็ด ในราคา 200 บาท จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.เชียงดาว เพื่อดำเนินคดีกันต่อไป

คดีต่อมาตำรวจ สภ.เชียงดาว และชุดปราบปรามยาเสพติด จ.เชียงใหม่ จับกุม น.ส.วรารัตน์ คาแส อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 219 หมู่ 8 ต. แม่นะ โดยจับกุมได้ที่ ศาลาที่พักริมทาง หน้าโรงเรียนศีลวี หมู่ 8 ต.เชียงดาว ต่อเนื่องกระท่อมไม่มีเลขที่ บ้านปางแดงหมู่ที่ 9 ต.เชียงดาว ก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีหญิงชาวเขาเผ่ามูเซอ ไม่ทราบชื่อ จะมาทำการส่งมอบยาบ้าให้ลูกค้า โดยใช้รถ จ.ย.ย. ฮอนด้า เวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน จพย 214 เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะ จะมาจอดรอส่งมอบยาบ้ากันที่ บริเวณศาลาที่พักริมทาง หน้าโรงเรียนศีลวี

จึงร่วมกันออกตรวจสอบเมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าวพบ รถ จ.ย.ย.คันดังกล่าว จอดอยู่และสังเกตเห็นหญิงชาวเขา ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.วรารัตน์ คาแส ซึ่งตรงตามลักษณะที่สายลับแจ้ง นั่งอยู่ในศาลาที่พักริมทางที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวขอตรวจค้นพบยาบ้า 191 เม็ดอยู่ในกระเป๋าย่ามสะพายที่ผู้ต้องหาสะพายอยู่ จากการสอบถามผู้ต้องหารับว่ายาบ้าของกลางดังกล่าวเป็นของตนเองจริง และยังมียาบ้าเหลือที่กระท่อมที่พักบ้านบ้านปางแดงหมู่ที่ 9 ต.เชียงดาว อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงไปทำการตรวจค้นตรวจยึด พบยาบ้าวางอยู่ในห้องนอนอีก 5 เม็ด และผู้ต้องหารับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนหน้านี้ด้วย จากการซักถามขยายผล ทราบว่ายาบ้าดังกล่าว นายเดอแอ๋ คาแส พ่อของผู้ต้องหาเอาให้ไว้ก่อนเสียชีวิต ซึ่งจะได้ทำการตรวจยึดต่อไป

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น