UNFPA เปิดเสียงสะท้อนเยาวชน ถึงสถานการณ์ครอบครัวไทย 4.0

นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่าสถานการณ์ครอบครัวไทยว่า จากผลสำรวจสถานการณ์ครอบครัวไทย โดยศูนย์วิจัยด้านเด็กและเยาวชน คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สสส. ยูเอ็นเอฟพีเอ และคณะแพทยศาสตร์ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน ม.สงขลานครินทร์ สำรวจความคิดเห็นจากตัวแทนเยาวชนทั่วประเทศ อายุระหว่าง 15-24 ปี จำนวน 824 คน ในเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งประกอบด้วยเพศหญิง 57% เพศชาย 42% และอื่นๆ 1% รูปแบบครอบครัวไทย ส่วนใหญ่ 59% เป็นครอบครัวพ่อ แม่ ลูก ตามด้วยครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว 16% ครอบครัว 3 รุ่น 15% ครอบครัวข้ามรุ่น 5% ที่เหลือคืออยู่คนเดียว สามี-ภรรยาที่ไม่มีลูก ครอบครัวที่ไม่ใช่ญาติ เป็นต้น

ทั้งนี้ ครอบครัวในความหมายของเยาวชน อันดับ 1 คือ ความรัก ผูกพันต่อกัน 41% ตามด้วย การอยู่ร่วมกัน 29% การมีงานทำ มีรายได้ของหัวหน้าครอบครัว 15% และการให้การศึกษาแก่สมาชิก 15% สำหรับความรู้สึกต่อวันครอบครัวพบว่า เกินครึ่งรู้สึกเฉยๆ (54%) ตามด้วยดีใจ 43% เสียใจ 2% และอื่นๆ 1% โดยสิ่งที่นึกถึงในวันครอบครัว 45% คือความสุข ตามด้วยการไปเที่ยว ทำกิจกรรมร่วมกัน 40% เมื่อถามถึง ความเข้มแข็งของครอบครัว พบว่า สถานการณ์ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเยาวชนมองว่า ครอบครัวมีความเข้มแข็งมาก 52% ความอบอุ่นอยู่ในระดับมาก 52% ทั้งนี้พบว่ามีเยาวชน 10% ที่ระบุว่าครอบครัวไม่เข้มแข็งและไม่อบอุ่นเลย ส่วนความสุขเมื่อได้อยู่กับครอบครัว 83% มีความสุขมาก เช่นเดียวกับความปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับครอบครัว 92% เยาวชนรู้สึกปลอดภัย ส่วนการยอมรับและเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องครอบครัว พบว่า ครอบครัวไทยเปิดโอกาสให้กับเยาวชนในระดับมาก 56% ตามด้วยปานกลาง 37% ทั้งนี้รูปแบบของครอบครัวพ่อแม่ลูกจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมมากที่สุด ขณะที่ครอบครัวข้ามรุ่นเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมในระดับที่น้อย

ลักษณะครอบครัวที่เยาวชนต้องการ อันดับ 1 คือความรักต่อกัน 24% ตามด้วยอันดับ 2 การมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกัน และไม่ทะเลาะ หรือใช้ความรุนแรง 22% อันดับ 3 มีบ้าน ที่อยู่เป็นของตนเอง 20% สำหรับความกังวลต่อครอบครัว ในภาพรวมเยาวชนกังวลเรื่องปัญหาสุขภาพเป็นอันดับ 1 ตามด้วยอันดับ 2 คือ การทะเลาะวิวาท ใช้ความรุนแรง และอันดับ 3 คือ หนี้สิน อย่างไรก็ตามหากจำแนกตามกลุ่มรายได้ จะพบว่า เยาวชนในกลุ่มรายได้น้อย มีความกังวลเรื่องหนี้สินเป็นอันดับ 1 ตามด้วยปัญหาอบายมุขและสิ่งเสพติด และการไม่มีบ้านและรถ ทั้งนี้ในสายตาของเยาวชนต่อสถานการณ์ของครอบครัวสังคมไทยในภาพรวม กลับมองว่าอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงถึง 70% ขณะที่มองว่าน่าชื่นชม 20% และเฉยๆ 10%

“จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ครอบครัวไทยในมุมมองของเยาวชน อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยความรัก ความห่วงใย และการใช้เวลาร่วมกัน เป็นสิ่งที่เยาวชนต้องการจากครอบครัวไทยมากที่สุด ซึ่งหากดูจากการใช้เวลาของประชากรไทย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า การใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวดีขึ้น จาก 2 ชั่วโมง เป็นเกือบ 3 ชั่วโมง คำถามที่ตามมาคือ เวลาที่ให้กับคนในครอบครัว 3 ชม. ทำอย่างไรถึงกลายเป็นเวลาที่มีคุณภาพ เช่นเด็กปฐมวัยการเล่นกับลูกตามช่วงวัยที่เหมาะสมกับพัฒนาการ ในวัยเรียนควรหากิจกรรมเพื่อกระตุ้นกระบวนการเรียนรู้และทักษะชีวิต และวัยรุ่น พ่อแม่ต้องใช้ทักษะการฟังให้มากกว่าเดิม และพ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการปฏิบัติดูแลต่อผู้สูงอายุ สิ่งสำคัญคือ การสื่อสารเชิงบวกในครอบครัว และการให้ใกล้ชิดกับเด็กตั้งแต่เล็กจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันแก่เด็กเมื่อโตขึ้น “ นางเพ็ญพรรณ กล่าว

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ร่วมแสดงความคิดเห็น