เตือนประชาชนไม่ควรนำเนื้อสุนัขมารับประทาน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนไม่ควรนำสุนัขมาชำแหละเพื่อประกอบอาหารรับประทาน เพราะมีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้

นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีข่าววัยรุ่นจำนวนหนึ่ง นำเนื้อสุนัขมาชำแหละเพื่อประกอบอาหารรับประทานกันในวงเหล้า และอีกกรณีที่มีชายสูงวัยซื้อสุนัขมาชำแหละเพื่อจำหน่ายเนื้อ นั้น กรมควบคุมโรค ขอเตือนประชาชนชนว่า การนำเนื้อสุนัขมาประกอบอาหารรับประทานกันเอง มีโอกาสเสี่ยงจะติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้หากสุนัขเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ที่สำคัญเสี่ยงติดเชื้อตั้งแต่ขั้นตอนการชำแหละ เพราะการชำแหละจะเป็นการสัมผัสกับสัตว์โดยตรง โดยเฉพาะสุนัขหรือแมวที่ป่วยหรือตาย ไม่ควรนำเนื้อมาประกอบอาหารรับประทานเด็ดขาด

นายแพทย์เจษฎา กล่าวต่อไปว่า โอกาสที่คนจะติดเชื้อหลังถูกสัตว์ที่ป่วยหรือมีเชื้อโรคกัดหรือข่วน ขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อโรคที่เข้าไปในร่างกาย สายพันธุ์ของเชื้อ รวมถึงตำแหน่งที่ถูกกัด สำหรับระยะฟักตัวของโรคนั้นมีตั้งแต่ 1 สัปดาห์หรืออาจนานเกิน 1 ปี ส่วนอาการของโรคพิษสุนัขบ้า เริ่มจาก 2-3 วันแรกผู้ป่วยจะเบื่ออาหาร เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ อ่อนเพลีย ชา เจ็บเสียว หรือปวดบริเวณรอยแผลที่ถูกกัด เป็นต้น

สำหรับมาตรการสำคัญในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า กรมควบคุมโรคได้ระบุให้โรคพิษสุนัขบ้าเป็นหนึ่งในโรคที่ต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 หากพบผู้ป่วยต้องแจ้งให้กระทรวงสาธารณสุขทราบทันที ส่วนการป้องกันโรคมี 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1.ก่อนถูกกัด ใช้หลักการคาถา 5 ย. ป้องกันการถูกกัด ได้แก่ “อย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าแยก อย่าหยิบ อย่ายุ่ง” 2.กรณีถูกกัด ให้รีบล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาดหลายๆครั้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน และรีบไปพบแพทย์โดยทันที 3.หลังจากถูกกัด ควรรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่องครบชุดตามเวลาที่แพทย์นัด หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

ร่วมแสดงความคิดเห็น