ตามรวบหนุ่มแสบ ขโมย จ.ย.ย. ชาวบ้าน อ้างไม่มีรถใช้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 พ.ค.60 ที่ห้องปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถ สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อม พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองเชียง ใหม่ และ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว นายชนกพร ชัยมงคล อายุ 53 ปี บ้านเลขที่ 59/30 ถ.สุริยวงค์ ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลาง รถ จ.ย.ย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นดรีม สีดำ ทะเบียน 1กน-3409 เชียงใหม่ จำนวน 1 คัน ในความผิดฐาน “ลักทรัพย์ (รถจักรยานยนต์) หรือรับของโจรในเวลากลางคืน”

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจาก นายวิทวัส ปัญาญาดิษฐ์วงษ์ ว่ารถ จ.ย.ย.คันดังกล่าว ที่ตนนำไปจอดไว้บริเวณหน้าสวนกาญจนภิเษก ถ.มหิดล ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้หายไป เมื่อช่วงเวลาประมาณ 00.30-03.00 น. เมื่อทราบดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และทำการสืบสวนหาข่าวติดตามหาผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง โดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครเชียงใหม่ พบว่ามีคนร้ายเป็นชาย 1 คน รูปร่าง สันทัด สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินแบบมีแถบแขนสีขาว สวมกางเกงขายาว สวมหมวกแก๊ป สีดำ เดินเตร็ดเตร่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ และเข้าไปลักเอารถ จ.ย.ย.ของผู้เสียหายออกจากที่เกิดเหตุไปช่วงเวลาประมาณ 02.30 น. ของวันดังกล่าวก่อนจะหลบหนีไป

ซึ่งในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบอย่างละเอียด ทำให้พอจะทราบถึงลักษณะรูปพรรณ พฤติกรรมของคนร้าย จึงระดมกำลังออกติดตามหาตัวผู้กระทำผิด จนกระทั้งเมื่อช่วงเย็น ของวันที่ 8 พ.ค. 60 ทางเจ้าหน้าที่พบผู้ต้องหานั่งอยู่บริเวณด้านหน้า ประตูทางเข้าสวนกาญจนาภิเษก ซึ่งลักษณะรูปพรรณและการแต่งกายเหมือนคนร้ายในภาพกล้องวงจรปิด จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ  และจากการสอบสวนทางเจ้าตัวก็ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนเดียวกันกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ลงมือก่อเหตุขโมยรถ จ.ย.ย.

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ต่อมาทาง นายชนกพร ก็ได้ให้การว่า ได้ลงมือก่อเหตุเนื่องจากต้องการนำรถมาใช้ และได้นำของกลางรถ จ.ย.ย.ที่ขโมยไปไว้ที่วัดพวกเปีย ถนนทิพย์เนตร ต.หายยา  ทางเจ้าเจ้าหน้าที่จึงได้ตามไปตรวจสอบ ก็พบรถ จ.ย.ย.คันดังกล่าวจอดไว้ข้างกำแพงหน้าวัด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง พร้อมทั้งนำตัวผู้ต้องหาส่งให้ พงส.สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป