สาระน่ารู้… โรคหอบหืด ภัยเงียบ

โรคหอบหืด (Asthma) หมายถึง โรคในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดลมจากความผิดปกติที่มีต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ ของสารก่อภูมิแพ้จากภาวะแวดล้อมข้างตัว ทำให้เกิดหลอดลมเกิดการตีบแคบ อักเสบ และทำให้หายใจลำบาก สารที่เป็นสาเหตุก่อภูมิแพ้มีหลายชนิดขึ้นกับร่างกายของแต่ละคนว่าจะไวต่อสารใด เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ อากาศที่มีมลพิษ เป็นต้น ซึ่งถ้าหากได้รับสารก่อภูมิแพ้ดังกล่าวก็อาจทำให้ภาวะหายใจหอบหืดกำเริบได้ โรคนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกวัยหรืออาจเกิดตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังไม่หาย ซึ่ง อาการอาจกำเริบได้ทุกที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือตามท้องถนน และสถานที่ทำงานก็ตาม
สาเหตุ
เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นผ่านทางระบบหายใจหรือการกิน ร่างกายจะเกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะบริเวณหลอดลมทำให้เกิดการอักเสบ ตีบแคบหายใจลำบากหลังจากนั้นร่างกายจะจดจำสารเหล่านั้นไปตลอด สารกระตุ้นที่มักพบเป็นสาเหตุของโรคหอบหืด ได้แก่ 1.มลพิษในอากาศ เช่นฝุ่น ควันบุหรี่ ไอระเหยน้ำมัน สารเคมี ก๊าซพิษต่างๆ 2.อาหารบางชนิด เช่น ไข่ นม อาหารทะเล 3.ขน และรังแคสัตว์ เช่น สุนัข แมว เป็นต้น 4.สัตว์ดูดเลือดบางชนิด เช่น เห็บ ไร มัด เป็นต้น 5.เชื้อราหรือแบคทีเรียในอากาศ
อาการของโรคมักจะมีอาการหายใจลำบาก แน่นหน้าอก ไอ หายใจมีเสียงวิ๊ดๆ อาการมักเกิดเป็นพักๆ โดยอาจเกิดอาการเมื่อออกกำลังหรือทำงานหนัก หรือเป็นเวลานอนกลางดึก จึงเป็นโรคที่ทรมาน ถ้ามีอาการมากจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมากด้วย เนื่องจากอาการภายในที่หลอดลมเกิดการขยายตัว ตีบแคบ และมีอาการอักเสบ พร้อมกับภาวการณ์หลั่งเสมหะมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เพิ่มการหายใจให้ลำบากมากขึ้น นอกจากนี้บางรายอาจมีอาการแพ้ภายนอกเกิดร่วมด้วย เช่นมีผื่นแดงตามลำตัว ทั้งนี้อาการของโรคแต่ละคนจะมีอาการหนักเบาไม่เท่ากัน บางคนอาจหายใจเองภายในไม่กี่นาที แต่บางคนอาจมีอาการหนักจนเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับภาวะความแข็งแรงของร่างกาย
โรคหอบหืด ถือเป็นโรคที่ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้แต่สามารถลดความถี่ และอาการกำเริบได้ คือ 1.ยาต้านอาการอักเสบของหลอดลม เป็นยาใช้รับประทานที่ลดอาการอักเสบของหลอดลม ซึ่งจำเป็นต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ แต่พบอาการข้างเคียงที่ทำให้เกิดเสียงแหบแห้งได้ 2.ยาขยายหลอดลมผ่านเครื่องสูบอากาศเข้าปอด (Inhaler) ซึ่งตัวยาจะช่วยขยายหลอดลมให้ขยายกว้างมากขึ้น มักใช้เมื่อสงสัยว่าอาการอาจกำเริบหรือเริ่มหายใจลำบาก โดยการพ่นผ่านเครื่องเข้าปอดโดยตรง ซึ่งจะออกฤทธิ์ภายในไม่กี่นาทีหลังการพ่น และจะอยู่นานประมาณ 4-6 ชั่วโมง
การปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคหอบหืด 1.จดจำสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้และหอบหืด พร้อมหลีกเลี่ยงการกินหรือหายใจสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกาย 2.หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงที่มีสารระคายเคืองต่างๆ เช่นควันบุหรี่ ควันไอเสียรถยนต์ ควันธูป กลิ่นน้ำหอม 3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยไม่ออกกำลังกายให้หนักเกินไป 4.ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจต่างๆ 5.ปรับสภาพแวดสิ่งล้อมรอบตัวให้ปลอดจากสารกระตุ้นหอบหืด เช่นการติดระบบระบายอากาศ เครื่องกรองอากาศ การทำความสะอาดเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ 6.หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีมลพิษหรือพื้นที่อากาศร้อนจัด เย็นจัด 7.ทำจิตใจให้สดชื่น ขจัดความวิตกกังวล อาการหงุดหงิด ความเครียด ที่อาจเป็นสาเหตุกระตุ้นการกำเริบของโรค 8.หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำเย็นจัด น้ำร้อนจัดขณะอาการกำเริบ เพราะอาจมีผลต่อการอักเสบของหลอดลมเพิ่มมากขึ้น 9.ควรกินยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ และควรพบแพทย์เป็นประจำตามคำแนะนำ 10.เมื่อสงสัยว่าจะมีอาการกำเริบ ควรกินยาหรือใช้ยาตามแพทย์สั่ง แต่หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบมาพบแพทย์ทันที
ฉะนั้นเมื่อเป็นแล้วควรดูแลป้องกันและหลีกเลี่ยงจากตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการและดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นโรคหืดหอบมักมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง เป็นไข้ อาการหวัดเรื้อรัง ที่สำคัญควรเข้ารับการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่องด้วย

…..รพ.แมคคอร์มิค / ข้อมูล…..

ร่วมแสดงความคิดเห็น