ศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิและคดีนักท่องเที่ยว เน้นบริการ ความสะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม

เปิดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ สรุปผลการเผยแพร่ความรู้ของศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิและคดีนักท่องเที่ยวในศาลแขวงเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การดำเนินคดีนักท่องเที่ยวเป็นไปด้วยความ สะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรณ โดยมีองค์กรต่างๆ เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก  ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ เชียงใหม่

นายสมคะเน แสงสว่าง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงเชียงใหม่เปิดเผยว่า โครงการประชุมเชิงปฏิบัติการ ฯ ในวันนี้เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ของศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิและคดีนักท่องเที่ยวในศาลแขวงเชียงใหม่  ซึ่งได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน  โดยมีคดีเข้าสู่ศาล ในปี 2558-2559 มีคดีเพิ่มขึ้นกว่า 200 คดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นดดี เมาแล้วขับ  นอกจากนั้นเป็นคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ เป็นต้น

ดังนั้นการพิจารณารณาคดีต่างๆ เมื่อมีการจัดตั้ง”ส่วนคดีนักท่องเที่ยว” ก็จะทำให้คดีนักท่องเที่ยวได้รับพิจารณาและตัดสินในเวลาที่รวดเร็ว เพราะนักท่องเที่ยวจะอยู่ในประเทศไทยในช่วงเวลาสั้นๆ ระบบการพิจารณา จะเน้นเรื่องการเจรจาไกล่เกลี่ย ประนีประนอมยอมความ  เมื่อเจรจาตกลงกันได้ก็ตัดสินเลย หรือหากมีการสืบพยานก็จะทำการสืบพยานต่อเนื่องทุกวันรวมทั้งวันหยุด รวมทั้งการนำระบบการสืบพยานผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์มาใช้  เช่น  เหตุเกิดในจังหวัดหนึ่ง หลักจากนั้นนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวอีกจังหวัดหนึ่งก็สืบพยานได้

นายมนตรี นามขาน อัยการจังหวัดคดีศาลแขวงเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า ทางศาลแขวงได้ร่วมมือกับทางศูนย์ฯ มาโดยตลอด ในแง่ของนักท่องเที่ยวที่มาก่อคดี รวมทั้งชาวต่างชาติที่มีถิ่นที่อยู่เป็นการชั่วคราวในประเทศไทย  ซึ่งมีคดีเช่นกัน  คงใช้ความรวดเร็วแตกต่างกันไป  หากเป็นนักท่องเที่ยวเราจะอำนวยความสะดวกให้คดีเสร็จไปโดยเร็ว โดยประสานงานกับศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง  คดีส่วนใหญ่ก็จะเป็นคดีเมา-ขับ

พ.ต.อ.สถาพร  โพธิ์ศรี  รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่.  เผย ว่า ในส่วนของตำรวจเกี่ยวข้องอยู่ 2 ส่วนคือนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้เสียหาย และนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้ต้องหา ทางเราให้ความคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาและผู้เสียหาย  เท่าเทียมกับสิทธิของคนไทย   สิทธิของนักท่องเที่ยวอาจจะมากกว่า ในเรื่อง การอำนวยความสะดวก เช่นการจัดหาล่ามแปลภาษาให้เขา จัดหาทนายความให้เขาเป็นต้น ในปัจจุบันผู้ต้องหาที่แฝงตัวมาเป็นนักท่องเที่ยวมาก่อเหตุ ลักทรัพย์ลวงกระเป๋า อันนี้ต้องบังคับตามกฎหมายให้เคร่งครัดเช่นกัน

นายมีชัย  เกิดวิวบูลย์เวช อัยการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า การดูแลนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับความเป็นธรรม แต่มิใช่ว่าจะได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนไทย เราจะต้องระวังเพราะผู้ต้องหาจะต้องเดินทางไปต่างประเทศในส่วนของอัยการจังหวัดสิ่งที่ประสบปัญหาก็คือทางพนักงานสืบสวนจะขอสืบพยานไว้ก่อน  เราจะเร่งอำนวยการให้ หากพยานเดินทางไปก่อนเราจะสืบหาพยานไม่ได้  ดั้งนั้นเราต้องเร่งสืบพยานก่อน แต่จะต้องอยู่บนพื้นฐานความยุติธรรม

ด้าน น.ส.ดาวสวรรค์ รื่นรมย์    ตัวแทนท่องเที่ยวและกีฬา  เผยว่าในส่วนของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา  เรามีหน่วยงานที่ดูแลและเยียวยานักท่องเที่ยวก็คือศูนย์แก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวงและช่วยเหลือนักท่อง เที่ยวและก็จะมีอาสาสมัครดูแลนักท่องเที่ยวและประเด็นที่สำคัญก็คือสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์

สำนักงานทะเบียนจะดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่ได้รับความไม่เป็นธรรมจากบริษัททัวร์ หรือได้รับร้องเรียนความประพฤติของมัคคุเทศก์ก็ประสานงานที่ยังสำนักงานได้ เราจะมีพรบ.ธุรกิจนำเที่ยวมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 เราจะคุ้มครองในการช่วยเหลือเยียวยาดูแลนักท่องเที่ยว.

ร่วมแสดงความคิดเห็น