ครึ่งปีแรก นักท่องเที่ยวจีน ยังครองแชมป์

เผยตัวเลข 5 เดือนแรกนักท่องเที่ยวเข้าไทย 14.3 ล้านคน จีนยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ททท.ยังมั่นใจตลอดปีรายได้ทะลุ 2.76 ล้านล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่า การการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยกว่า 14.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.7% ทั้งนี้เป็นผลมาจากภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มมากขึ้น อาทิ รัสเซีย สแกนดิเนเวีย อังกฤษ เป็นต้น โดยเฉพาะในส่วนของตลาดจีน ที่ล่าสุดมีจำนวนกว่า 3.8 ล้านคน และยังคงเป็นตลาดที่เดินทางมาไทยสูงเป็นอันดับ 1
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2560 นี้ ประเทศไทยจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวกว่า 2.76 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยว ต่างชาติ 1.81 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และตลาดไทยเที่ยวไทย 9.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวดังกล่าวนี้เกิดจากการจัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกทั้งในและต่างประเทศ โดยในส่วนของตลาดต่างประเทศ
ททท.ได้มีการร่วมงานแทรเวลมาร์ตระดับโลกอย่าง ITB และ WTM รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ โครงการ The LINK โดยการเจาะตลาดคุณภาพในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาไปสู่แหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางใหม่ หรือเมืองรองตามโครงการ 12 เมืองต้องห้าม…พลาด

สำหรับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้น ททท.ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุน 400 กิจกรรมงานวัฒนธรรม ประเพณี ตลอดปี โดยโครงการเด่นในการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวหลายโครงการ อาทิ โครงการเที่ยวไทยเท่ โดยเป็นการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเข้าไปสัมผัสและมีส่วนร่วมกับประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแต่ละท้องถิ่นของไทยอย่างลึกซึ้ง

โครงการวันธรรมดาน่าเที่ยวททท.มีนโยบายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยด้วยการพลิกวันว่างเป็นวันเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการกระจายนักท่องเที่ยวออกสู่ช่วงนอกฤดูกาลหรือวันธรรมดาให้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ล่าสุด ททท.ได้วางกลยุทธ์ในการส่งเสริมโครงการอาหารและสินค้าชุมชน ทั้งเรื่องสตรีตฟู้ดและอาหารถิ่นจากทุกชุมชนทั่วประเทศไทย รวมทั้งการช็อปปิ้งสินค้าชุมชนมาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

ส่วนโครงการ Amazing Thai Taste Festival 2017 ที่จัดขึ้นเป็นปีแรก พบว่าได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก ที่สำคัญยังสร้างรายได้หมวดอาหารและมีแนวโน้มในการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

ส่วนงาน Thailand Shopping and Dining Paradise 2017 ที่หวังสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวซื้อสินค้าและบริการในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (Green Season) ที่มีกำหนดจัดพร้อมกันทั้งประเทศตลอดเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2560 ก็พร้อมสร้างการรับรู้ให้ประเทศไทยเป็นแหล่งซื้อสินค้าที่สะดวก มีคุณภาพ และหลากหลายแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย

และเชื่อว่าจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนและการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษโดยเฉพาะเมืองชายแดนได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และกรุงเทพฯ

สำหรับแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังนั้น “ยุทธศักดิ์” บอกว่า ททท.ยังคงเดินหน้าส่งเสริมเรื่องอาหารถิ่นต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมการขายสินค้าโอท็อปของชุมชน และให้บริการข้อมูลการท่องเที่ยวในท้องถิ่น อาหารแปรรูป ผักผลไม้ออร์แกนิก และของใช้ของฝากจากชุมชนแต่ละจังหวัด

โดยเชื่อว่าจากการที่สำนักข่าว CNN จัดอันดับให้กรุงเทพฯ เป็น “สวรรค์แห่งอาหารริมทาง” หรือเมืองที่มีอาหารริมทาง (Street Food) ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอาหารไทย ซึ่งจากที่คาดการณ์ว่าปีนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวราว 35 ล้านคน หากสามารถเพิ่มยอดค่าใช้จ่ายแค่เพียง 10% ก็จะสามารถเพิ่มรายได้ประเทศอีกนับหมื่นล้านบาท ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ภาคการเกษตรอีกด้วย

ด้าน นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ข้อมูลว่าในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2560 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 14.6 ล้านคน ขยายตัว 3.20% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดรายได้รวม 7.47 แสนล้านบาท ขยายตัว 5.07% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทยตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน พบว่ามีชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศรวม 45.14 ล้านคน-ครั้ง ก่อให้เกิดรายได้รวม 3.05 แสนล้านบาท ขยายตัว 5.47% และ 5.78%

สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยว (มกราคม-พฤษภาคม) นั้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก่อให้เกิดรายได้รวม 1.05 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.27% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในจำนวนนี้เป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ 7.47 แสนล้านบาท และการท่องเที่ยวภายในประเทศของชาวไทย 3.05 แสนล้านบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น