เผยสถานการณ์ปัญหาค้ามนุษย์จังหวัดเชียงใหม่

จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางของปัญหาการค้ามนุษย์ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การคมนาคม ขนส่ง ด้านการศึกษา และมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีคนเข้ามาอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมาก ทั้งเข้ามาอยู่และทำงานในภาคอุตสาหกรรม และบริการ ส่งผลกระทบต่อการเกิดปัญหาสังคมโดยเฉพาะปัญหาการค้ามนุษย์ จากข้อมูสถิติของศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ (ศปคม.ชม.) 3 ปี ย้อนหลัง

นายวรพงษ์ บุญเคลือบ นักพัฒนากรสังคมชำนานการ เปิดเผยสถาณการณ์ปัญหาการค้ามนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ พบว่า ด้านการค้าประเวณี มี 83 คดี เด็กและสตรีมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่กระบวนการให้บริการทางเพศ ซึ่งมีลักษณะการแอบแผงขายบริการทางเพศในสถานบริการ การค้าประเวณีเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด และมีความซํ้าช้อนมากขึ้น เด็กที่เข้าสู่กระบวนการมีแนวโน้มอายุลดน้อยลง (อายุ 12 ปี ) ใช้ช่องทางสื่อออนไลน์ นอกจากนี้มีลักษณะเป็นการบังคับค้าประเวณีในเด็กหญิงที่มีอายุตํ่ากว่า 18 ปี โดยฝ่ายการชักชวนจากเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่รู้จัก ผ่านสื่อออนไลน์ และนัดหมายค้าประเวณีตามโรงแรม หรือที่พักของผู้ซื้อบริการ

ด้านแรงงาน (5คดี) การบังคับและขู่เข็นซึ่งเป็นลูกเลี้ยงให้ไปส่งยาเสพติด มีการทำร้ายร่างกาย มีการนำเด็กชาวพม่า และเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ อายุตํ่ากว่า 18 ปีมาทำงานก่อสร้าง ขายพวงมาลัย สินค้า ดอกไม้ ตามที่สาธารณะและร้านอาหาร บางส่วนเข้าเมืองมาทำงานโดยผิดกฏหมาย ไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานผิดประเภท มีการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยใช้จังหวัดเชียงใหม่เป็นทางผ่าน

ด้วยการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ รูปแบบอื่นๆ (3 คดี ) มีการนำเด็กชาติพันธุ์ อายุตํ่ากว่า 18 ปีมานั่งดริ๊ง/ เสริฟอาหาร และเครื่องดื่มในร้านคาราโอเกะ ผับ โดยลูกค้าสามารถจับ กอด ลูบคลำเนื้อตัวได้

ด้านการผลิตเผยแพร่วัตถุและสื่อลามก (1 คดี) เด็กชาวเมียนมาร์ที่ติดตามบิดามารดามาทำงานภาคเกษตรกรรมอายุ 4-8 ขวบถูกถ่ายภาพโป๊ เปลือย และถูกเผยแพร่ในเวปไชต์ของต่างประเทศ โดยชาวต่างชาติ

ในการดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ ประจำปี 2560 (เดือน มกราคม -มิถุนายน 2560 ) ด้านนโยบายได้จัดประชุมคณะอนุกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบรายมการค้ามนุษย์จังหวัดเชียใหม่ มีการประชุมเพื่อจัดทำรายงานสถานการณ์ผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุนย์ รวมไปถึงการดำเนินคดี การคุ้มครองช่วยเหลือ การป้องกัน เช่นการอบรมให้ความรู้ สร้างความตระหนัก รณรงค์เสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายในพื้นที่และเน้นด้านความร่วมมือบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในรูปคณะอนุกรรมการ คณะกรรมการ คณะทำงานเป็นต้น.

ร่วมแสดงความคิดเห็น