ฮือฮา รพ.ภาครัฐ และวัดดังภาคเหนือ เปิดรับการช่วยเหลือ ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

รพ.ภาครัฐและวัดดังภาคเหนือ เปิดรับการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยมีจิตใจทั้งร่างกายจิตใจไม่พะวงกับโรคร้ายที่เป็นอยู่ ส่งเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ เข้ารักษา เพื่อให้มีความสุข รวมทั้งจัดพิธีบังสกุล เป็นบังสกุลตาย สืบชะตา สะเดาเคราะห์ให้เบ็ดเสร็จ ใช้ตัวยาสมุนไพร รวมทั้งนำน้ำมนต์ที่ปลุกเสก โดยครูบาน้อย ครูบาดังภาคเหนือ มาต้มแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยนำไปดื่มกิน เพื่อเป็นสิริมงคล พร้อมนิมนต์พระสงฆ์ชื่อดัง มาร่วมในโครงการดังกล่าว

เมื่อเวลา 09.30 น วันที่ 6 ก.ค 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ รพ.สารภีบวรพัฒนา หรือ​(รพ.สารภี 2 )อ.สารภี จ.เชียง ใหม่ ได้มีการเปิดรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง-เพื่อบำบัดจิตใจและร่างกาย เพื่อส่งผลต่อการรักษาทางการแพทย์ โดยใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรคมะเร็ง โดยนำหลักธรรมคำสอน และพิธีกรรมทางศาสนามาเข้าร่วมบำบัดด้วย ในวิธีการรักษาผู้ป่วยนั้น ทางรพ.สารภีบวรพัฒนา นำโดย นพ.จรัส สิงห์แก้ว ผอ.รพ.สารภีฯ และพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล อ.สารภี ครูบาดังภาคเหนือ ซึ่งในวันเปิดวันแรกมีผู้ป่วยโรคมะเร็ง มาทำการบำบัดรักษาด้วยวิธีดังกล่าว จำนวน 12 ราย ซึ่งแต่ละคนนั้น มีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งหลายระดับ

โดยทาง รพ. ครูบาน้อยเตชปัญโญ ร่วมสมทบทุนในการสร้างอาคาร และร่วมโครงการดังกล่าว และได้สร้างอาคารเสร็จสิ้น ใช้ชื่อว่า “อโรคยาศาลาครูบาน้อย รพ.สารภีบวรพัฒนา”เริ่มแรก ทำบุญอาคารและเริ่มให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทันที เริ่มจากให้ผู้ป่วยเข้ารับพิธีบังสกุลเป็นบังสกุลตาย โดยมีพระสงฆ์มาทำพิธี 4 รูป จากนั้นให้ผู้ป่วยเข้าพิธีสะเดาะเคราะ์ สืบชะตา และปะพรมน้ำมนต์ให้กับผู้ป่วย ต่อเนื่องโดย พระครูสิริศีลสังวร ครูบาน้อยเตชปัญโญ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ทำพิธีให้ ทำให้ผู้ป่วยมีสีหน้ามีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น หลังเสร็จพิธีขั้นตอนรักษาแล้ว ก็ได้มอบน้ำมนต์ที่ปลุกเสกโดยครูบาน้อยฯ ผ่านพิธีการต้มเป็นที่เรียบร้อย ใส่ขวดแจกจ่ายให้กับผู้ป่วย เพื่อนำไปดื่มเป็นสิริมงคล จากที่ต้องกลับมารักษาที่บ้าน โดย รพ.ที่ไปรับการรักษา ได้ส่งตัวกลับมารักษาต่อที่บ้าน และทาง รพ.สารภีบวรพัฒนา ได้เปิดโครงการนี้ขึ้นมา เรียกว่า ” โครงการ อโรคยา” ขึ้น

นพ.จรัส สิงห์แก้ว ผอ.รพ.เปิดเผยว่า รพ.นี้ นับเป็นแห่งแรกของภาคเหนือเลยก็ว่าได้ ที่ได้ร่วมกับคณะสงฆ์ใน จ. เชียงใหม่ ที่ทำเพื่อประชาชน ด้วยการบำบัดรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้ยาสมุนไพร กับหลักธรรมะ พิธีกรรมทางศาสนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยมีจิตใจที่ดีขึ้น มีความสงบ การก่อสร้างอาคารแห่งนี้ “โครงการอโรคยา มูลนิธิครูบาน้อยเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด แม้แต่การก่อสร้างตัวอาคารในวงเงิน 1,830,276 บาท ใช้งบประมาณของมูนิธิฯ ครูบาน้อย เป็นค่าใช้จ่ายผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่ รพ.ทั่วไป ปฏิเสธการรักษาแล้ว โดยให้ผู้ป่วยเข้ามาแจ้งความประสงค์กับ ศูนย์อโรคยาครูบาน้อยฯที่ รพ.สารภีฯ

โดยทาง รพ.จะรับรักษาเป็นคอร์ส ๆ ละ 10 วัน โดยจะเริ่มวันที่ 10 ของทุกเดือน. แจ้งความประสงค์มาได้ที่ รพ.สาร ภีบวรพัฒนา หรือที่ ศูนย์อโรคยาครูบาน้อย สำหรับวิธีการรักษาจะมี 4 ขั้นตอน คือ ฝึกสมาชิก กายบริหารโยคะ เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมและให้อยู่กับโรคมะเร็งได้ ตอนนี้มีผู้ป่วยแจ้งความประสงค์มาแล้ว 100 กว่าราย เราจะรับการรักษาครั้งละ 12 คน ตามคอร์ส เพื่อจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีทีมแพทย์พยาบาล แพทย์แผนไทย และจิตอาสาร่วมกันทำงาน โดยสมุนไพรในการประกอบการรักษา ตรวจสุขภาพ เลือด ให้ผู้ป่วยได้มีความหวัง มีความสุข ”

ทางด้านพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ ครูบาดังภาคเหนือ ได้เปิดเผยว่า ทาง รพ.สารภี 2 ได้งบประ มาณจัดโครงการ “อโรคยา” หรือรักษาผู้ป่วยทางด้านจิตใจ เพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ดียืนยาวต่อไป ทางวัดเห็นดีงามด้วยจึงได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวและร่วมสมทบทุน โดยได้เงินบริจาคจากประชาชนที่ศรัทธาและสนับสนุนโครงการนี้ วิธีการโดยใช้หลักธรรมะ และพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีจิตใจที่ดีขึ้น คนเรานั้นเมื่อเจ็บป่วยแบบสุด ๆ หรือใกล้เสียชีวิต นั้นจะนึกถึงพ่อแม่ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

บางครั้งผู้่ป่วยที่นอนรักษาตัวที่ รพ.หรือที่บ้าน ใกล้จะเสียชีวิต ญาติพี่น้องก็จะให้ผู้ป่วยนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางรายก็ได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดถึงเตียงคนไข้ ถึงที่บ้านก็มี เพื่อให้ผู้ป่วยมีความสุขจิตใจสงบก่อนตาย คือยิ้มก่อนตายมีความสุขก่อนตาย จิตใจสงบ ดีกว่าให้ผู้ป่วยเขารอนับวันเสียชีวิต โครงการดังกล่าวอาตมา เห็นดีงามด้วย จึงได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวกับ รพ.สารภีบวรพัฒนา นี้  เพื่อให้กำลังใจผู้ป่วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น