รพ.สารภีรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ช่วยเหลือประชาชน

        รพ.ภาครัฐและวัดดังภาคเหนือ เปิดรับการผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยมีจิตใจทั้งร่างกายจิตใจไม่พะวงกับโรคร้ายที่เป็นอยู่ ส่งเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล จิตแพทย์ เข้ารักษา เพื่อให้มีความสุข รวมทั้งจัดพิธีบังสกุลเป็นบังสกุลตาย สืบชะตา สะเดาะเคราะห์ให้เบ็ดเสร็จ ใช้ตัวยาสมุนไพร รวมทั้งนำน้ำมนต์ที่ปลุกเสกโดยครูบาน้อย ครูบาดังภาคเหนือมาต้ม แจกจ่ายให้กับผู้ป่วยนำไปดื่มกินเพื่อเป็นสิริมงคล โดยนิมนต์พระสงฆ์ชื่อดังมาร่วมในโครงการดังกล่าว
เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้มีการเปิดรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง-เพื่อบำบัดจิตใจและร่างกายเพื่อส่งผลต่อการรักษาทางการแพทย์ โดยใช้ยาสมุนไพรในการรักษาโรคมะเร็ง โดยนำหลักธรรมคำสอนและพิธีกรรมทางศาสนามาเข้าร่วมบำบัดด้วย ในวิธีการรักษาผู้ป่วยนั้น ทางโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา นำโดย นพ.จรัส สิงห์แก้ว ผอ.โรงพยาบาลสารภีฯ และพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อยเตชปัญโญ เจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ครูบาดังภาคเหนือ โดยในวันเปิดวันแรกมีผู้ป่วยโรคมะเร็งมาทำการบำบัดรักษาด้วยวิธีดังกล่าว จำนวน 12 ราย ซึ่งแต่ละคนนั้นมีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งหลายระดับ
ทางโรงพยาบาลฯ โดย ทางครูบาน้อยเตชปัญโญ ร่วมสมทบทุนในการสร้างอาคารและร่วมโครงการดังกล่าวและได้สร้างอาคารเสร็จสิ้น ใช้ชื่อว่า “อโรคยาศาลาครูบาน้อย โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา” ได้เริ่มทำบุญอาคารและเริ่มให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาทันที โดยเริ่มจากให้ผู้ป่วยเข้ารับพิธีบังสกุลเป็นบังสกุลตาย โดยมีพระสงฆ์มาทำพิธี 4 รูป จากนั้นให้ผู้ป่วยเข้าพิธีสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา และปะพรมน้ำมนต์ให้กับผู้ป่วย ต่อเนื่องโดย พระครูสิริศีลสังวร ครูบาน้อยเตชปัญโญ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ทำพิธีให้ ทำให้ผู้ป่วยมีสีหน้ามีความสุขขึ้นมาทันตาเห็น หลังเสร็จพิธีขั้นตอนรักษาแล้ว ก็ได้มอบน้ำมนต์ที่ปลุกเสกโดยครูบาน้อยฯ ผ่านพิธีการต้มเป็นที่เรียบร้อย ใส่ขวดแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยเพื่อนำไปดื่มเป็นสิริมงคล
จากที่ต้องกลับมารักษาที่บ้านโดยโรงพยาบาลที่ไปรับการรักษาได้ส่งตัวกลับมารักษาต่อที่บ้าน และทางโรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา ได้เปิดโครงการนี้ขึ้นมา เรียกว่า “ โครงการ อโรคยา” ขึ้น
นายแพทย์ จรัส สิงห์แก้ว ผอ.โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา 2 ได้เปิดเผยว่าเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกภาคเหนือเลยก็ว่าได้ร่วมกับคณะสงฆ์ในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อประชาชน ด้วยการบำบัดรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้ยาสมุนไพร กับหลักธรรมะ พิธีกรรมทางศาสนาอย่าง ต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ป่วยมีจิตใจที่ดีขึ้น มีความสงบ การก่อสร้างอาคารแห่งนี้
“โครงการอโรคยา มูลนิธิครูบาน้อยเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดแม้แต่การก่อสร้างตัวอาคารในวงเงิน 1,830,276 บาท ใช้งบประมาณของมูลนิธิฯ ครูบาน้อย เป็นค่าใช้จ่ายผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่โรงพยาบาลทั่วไปปฏิเสธการรักษาแล้ว โดยให้ผู้ป่วยเข้ามาแจ้งความประสงค์กับ ศูนย์อโรคยาครูบาน้อยฯที่ รพ.สารภีฯ โดยทาง รพ.จะรับรักษาเป็นคอร์สๆ ละ 10 วันโดยจะเริ่มวันที่ 10 ของทุกเดือน แจ้งความประสงค์มาได้ที่โรงพยาบาลสารภีบวรพัฒนา หรือที่ ศูนย์อโรคยาครูบาน้อย สำหรับวิธีการรักษาจะมี 4 ขั้นตอน คือ ฝึกสมาชิก กายบริหารโยคะ เรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมและให้อยู่กับโรคมะเร็งได้ ตอนนี้มีผู้ป่วยแจ้งความประสงค์มาแล้ว 100 กว่า ราย เราจะรับการรักษาครั้งละ 12 คน ตามคอร์ส เพื่อจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด โดยมีทีมแพทย์พยาบาล แพทย์แผนไทย และจิตอาสาร่วมกันทำงาน โดยสมุนไพรในการประกอบการรักษา ตรวจสุขภาพ เลือด ให้ผู้ป่วยได้มีความหวัง มีความสุข”
ทางด้านพระครูสิริศีลสังวรหรือครูบาน้อยเตชปัญโญ ครูบาดังภาคเหนือได้เปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลสารภี 2 ได้งบประมาณจัดโครงการ “อโรคยา” หรือรักษาผู้ป่วยทางด้านจิตใจเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ดียืนยาวต่อไป ทางวัดเห็นดีงามด้วยจึงได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวและร่วมสมทบทุน โดยได้เงินบริจาคจากประชาชนที่ศรัทธาและสนับสนุนโครงการนี้ วิธีการโดยใช้หลักธรรมะ และพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีจิตใจที่ดีขึ้น คนเรานั้นเมื่อเจ็บป่วยแบบสุด ๆ หรือใกล้เสียชีวิต นั้นจะนึกถึงพ่อแม่ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางครั้งผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวที่ รพ.หรือที่บ้าน ใกล้จะเสียชีวิต ญาติพี่น้องก็จะให้ผู้ป่วยนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บางรายก็ได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดถึงเตียงคนไข้ ถึงที่บ้าน ก็มี เพื่อให้ผู้ป่วยมีความสุขจิตใจสงบก่อนตาย คือยิ้มก่อนตายมีความสุขก่อนตาย จิตใจสงบ ดีกว่าให้ผู้ป่วยเขารอนับวันเสียชีวิต โครงการดังกล่าวอาตมา เห็นดีงามด้วย จึงได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวกับ รพ.สารภีบวรพัฒนา นี้ ได้บุญกุศลและให้กำลังใจผู้ป่วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น