อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ลงพื้นที่เชียงใหม่ เก็บข้อมูลเครื่องบดย่อยต้นแบบ

วันที่ 13 ก.ค.60 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อดูการจัดการขยะอินทรีย์ ลดการเผา โดยใช้กระบวนการทำปุ๋ยอินทรีย์ จากเครื่องบด ที่ร้านโอ้กะจู๋ ต.หนองจ๊อม อ.สันทราย ซึ่งเป็นต้นแบบที่ จ.เชียงใหม่ ได้ดำเนินการจัดซื้อเครื่องผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล จำนวน 3 เครื่อง ในโครงการตามแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืน ให้เศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ รายจ่าย พ.ศ.2560 นำไปทดลองบดย่อยซังข้าวโพดที่ อ.แม่แจ่ม เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในฤดูที่ผ่านมา

นายจตุพร กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาขยะเป็นปัญหาระดับประเทศ รัฐบาลถือเป็นวาระแห่งชาติ โดยการจัดการขยะจะเน้นตั้งแต่ต้นทาง การกำจัดขยะที่ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งกลิ่นเหม็นจากการย่อยสลายของขยะ น้ำขยะปนสู่สิ่งแวดล้อม กองขยะกลายเป็นแหล่งกำเนิดพาหะนำโรคต่างๆ การเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ก่อให้เกิดฝุ่นและหมอกควัน กลายเป็นปัญหามลพิษทางอากาศ

ทั้งนี้ กรมควบคุมมลพิษได้สรุปแนวทางการจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยการจัดการขยะมูลฝอยชุมชน ควรมีระบบกำจัดแบบผสมผสาน ที่รวบรวมเทคโนโลยีด้านต่างๆไว้ด้วยกัน เพื่อให้การจัดการขยะมูลฝอยดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ ในส่วนของขยะอินทรีย์จากชุมชน และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เหมาะสม โดยการแปรรูปเป็นปุ๋ยหมัก หรือสารปรับปรุงดินเพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตร

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวอีกว่า การจัดการขยะอินทรีย์ในปริมาณมาก จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการเร่งกระบวนการ ซึ่งเครื่อง Ecologic Waste หรือ EWA มีความสามารถแปรรูปอินทรีย์สารจากขยะ เศษวัชพืช ผักตบชวา เปลือกและซังข้าวโพด ฟางข้าว ให้เป็นสารตั้งต้นของปุ๋ยอินทรีย์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเวลาเพียง 24-72 ชั่วโมง โดยจะเร่งเร้าจุลินทรีย์ที่มีอยู่ให้เจริญเติบโต และทำปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว และบ่มตัวอีกระยะหนึ่ง ทำให้จุลินทรีย์ต่างๆที่อาจก่อให้เกิดอันตรายถูกทำลายไป ทำให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร การเดินทางมาดูเครื่องต้นแบบครั้งนี้ เพื่อนำแนวคิดการใช้เทคโนโลยีกำจัดขยะทั่วไป ด้วยเครื่องบดย่อยไปปรับใช้ในพื้นที่อื่นต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น