สั่งล้อมคอก แก้ปมลำไย ล้นตลาด

เกษตรจังหวัดเชียงใหม่เผยแผนเตรียมรีบมือผลผลิตลำไยในฤดู ตั้งเป้าบริหารจัดการผลผลิตลำไยในฤดูทั้งหมด 134,106 ตัน พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนในการกระจายผลผลิต เพื่อลดปริมาณผลผลิตลำไยไม่ให้ล้นตลาด มั่นใจปี 60 นี้ จะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 57 อย่างแน่นอน
เมื่อวันที่ผ่านมา นายประมวล เครือมณี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่อง “แนวทางการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาผลผลิตลำไยที่กำลังจะออกมาในปี 2560 ในวาระแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 38/2560 ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
นายประมวล เครือมณี หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ลำไยแป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ปีละหลายร้อยล้านบาท ลำไยเป็นผลไม้ที่นิยมของคนทั่วไปโดยเฉพาะคนจีนซึ่งนิยมบริโภคลำไยมากเพราะถือเป็นผลไม้มงคลประเทศจีนเรียกลำไยของไทยว่า “หลงเหยียน” ซึ่งแปลว่า ตามังกร จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ ที่มีศักยภาพที่เหมาะสมสำหรับการปลูกลำไยเนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมทำให้ลำไยที่ออกมามีคุณภาพดี ลูกโต สีสวย รสชาติอร่อย เนื้อแน่นและแห้ง มีกลิ่นหอม จึงถือได้ว่าลำไยเป็ผลไม้ที่ทรงคุณค่าเพราะนอกจากจะมีรสชาติความอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาบำรุงร่างกายและยังเป็นผลไม้มงคลอีกด้วย
นายประมวล กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ลำไยของจังหวัดเชียงใหม่ ในด้านพื้นที่เพาะปลูก ประมาณการพื้นที่ปลูกลำไย การผลิต 2560 มีจำนวนทั้งสิ้น 312,985 ไร่ โดยแบ่งเนพื้นที่ให้ผลผลิต 297,443 ไร่ พื้นที่ให้ผลในฤดู(มิ.ย. – ก.ย.) จำนวน 205,684 ไร่ และพื้นที่ให้ผลนอกฤดู (ม.ค. –เม.ย. และ ต.ค. – ธ.ค.) จำนวน 91,759 ไร่ พื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญ คือ อำเภอจอมทอง พร้าว สันป่าตอง สารภี และดอยหล่อ ทั้งนี้คาดว่าประมาณการผลผลิตลำไย ปีการผลิต 2560 ของจังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนทั้งสิ้น 251,219 ตัน โดยแยกเป็นลำไยฤดูกาลผลิต จำนวน 134,106 ตัน และผลผลิตนอกฤดู จำนวน 120,113 ตัน ซึ่งในปัจจุบัน มีรายงานพื้นที่ให้ผลผลิตลำไยในฤดูประมาณ 205,684 ไร่ คาดการณ์ผลผลิตจะออกสู่ตลาดจำนวน 134,106 ตัน และจะออกมากที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคมประมาณ 79,799 ตัน คิดเป็นร้อยละ 31.39
หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนสถานการณ์ราคา (ราคาที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 10 ก.ค. 60) ราคาผลผลิตในช่วงต้นฤดูกาลนีนี้ ลำไยขนาด ราคาลำไยสดมัดช่อ เกรด AA = 38 – 40 บาท/กก. , A = 35 – 38 บาท/กก. , B = 30 – 35 บาท/กก. , C = 25 – 30 บาท/กก. ราคาทรงตัวเท่ากันวันก่อน ตลาดจีน ยังมีความต้องการต่อเนื่อง แต่ผลผลิตมีค่อนข้างน้อย ต้องใช้เวลาในการรวบรวมผลผลิตประมาณ 2 – 3 วัน ต่อ 1 ตู้ ส่วนรูดร่วง เกรด AA = 20 – 21 บาท/กก. , A = 17 – 19 บาท/กก. , B = 8 – 9 บาท/กก. C = 2 – 3 บาท/กก. ผลผลิตกำลังเริ่มออกสู่ตลาด แต่ยังมีปริมาณไม่มากนัก ส่วนใหญ่ในระยะนี้ ผลผลิตที่ได้คือ เกรด A , B และ C ตามลำดับ ส่วนเกรด AA มีปริมาณค่อนข้างน้อย ผลผลิตส่วนใหญ่ยังไม่สุกได้ที่ และมีผลเล็ก ผู้ประกอบการรับซื้อ (จุดร่อน) ส่วนมากขายส่งให้กับ ผู้ประกอบการเพื่อใช้ในการอบแห้งเนื้อสีทอง การอบแห้งทั้งเปลือกยังไม่มีการอบระยะนี้
” ทั้งนี้สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตทางการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ) บริษัทประชารัฐ รักสามัคคี เชียงใหม่ จำกัด กลุ่มผู้ผลิตลำไยแปลงใหญ่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตและแปรรูปลำไย ได้ร่วมกันวางแนวทางการบริหารจัดการจัดการลำไย เพื่อแก้ไขปัญหาลำไยล้นตลาดและราคาผลผลิตลำไยตกต่ำ โดยมีเป้าหมายบริหารจัดการผลผลิตลำไยฤดูทั้งหมดปประมาณ 134,106 ตัน กลไกที่จะใช้ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาลำไยมี 2 ส่วนคือ ในการซื้อขายปกติ ซึ่งส่วนมากจะเป็นความต้องการนำลำไยมาแปรรูป ทั้งในรูปแบบของโรงงานกระป๋อง โรงงานการแปรรูปอบแห้ง (อบแห้งทั้งเปลือก / อบแห้งสีทอง) และอีกส่วนหนึ่งจะใช้กลไกกระตุ้นการบริโภคลำไยสด ซึ่งมีทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยคณะทำงานได้ร่วมกันวางแผนในการกระจายผลผลิต เพื่อลดปริมาณผลผลิตลำไยไม่ให้ล้นตลาด และเป็นการป้องกันไม่ให้ราคาลำไยตกต่ำ โดยร่วมกับบริษัทประชารัฐในการประสานกับห้างโมเดิร์นเทรด องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย (อต.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) ช่วยรับซื้อผลผลิตลำไยจากเกษตรกรและช่วยกระจายผลผลิตไปสู่ผู้บริโภค โดยผ่านเครือข่ายกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยแปลงใหญ่ มีการวางแผนเพิ่มจุดจำหน่ายลำไยตามสถานบริการต่างๆ เช่น ปั้มน้ำมันปตท. เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี สหกรณ์การเกษตร กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตและแปรรูปลำไย มาช่วยในการรับซื้อและกระจายผลผลิตลำไยอีกด้วย โดยคาดว่าผลผลิตลำไยในฤดูกาลที่กำลังจะออกมานี้ จะไม่มีปัญหาราคาตกต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2557 อย่างแน่นอน ” นายประมวล กล่าวส่งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น