ผอ.โรงเรียนศรีสังวาลย์ ออกโต้ข่าวกรณีเพจดัง โพสต์ตั้งประเด็นสงสัยความโปร่งใส การจัดสรรเงินรางวัล 10 ล้านบาท ให้เด็กพิการที่ร่วมทีม คว้าแชมป์ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์

ผอ.โรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ออกชี้แจงโต้ข่าวกรณีเพจดังโพสต์ตั้งประเด็นสงสัย ความโปร่งใสการจัดสรรเงินรางวัล 10 ล้านบาท ให้เด็กพิการที่ร่วมทีมคว้าแชมป์ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ เมื่อปี 57 พร้อมยืนยันเงินของเด็กถูกจัดสรร สมาชิกทีมทั้ง 8 คน ที่ได้รับรางวัลจากการชนะประกวด คนละ 500,000 บาทอย่างถูกต้องทุกคน และเงินก็นำไปใช้ประโยชน์เพื่อส่งเสริมศักยภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กพิการอย่างยั่งยืน

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊คชื่อดัง “แหม่ม โพธิ์ดำ” มีการโพสต์เรื่องราวของ นายทัศนัย บุญมี ซึ่งเป็นผู้พิการ ที่เป็นอดีต 1 ใน 8 สมาชิกทีม “วีลแชร์ แด๊นซ์” ของโรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ ที่ชนะเลิศการประกวดรายการ ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ปี 4 เมื่อปี 2557 และได้รับรางวัลเงินสด 10 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบากอยู่กับครอบครัวที่ จ.พิษณุโลก ที่เปิดร้านขายข้าวแกง และมีรายได้เพียงเล็กน้อย พร้อมทั้งเปิดเผยว่าเงินรางวัลที่ได้รับจากการชนะเลิศการแข่งขันดังกล่าวนั้น ทาง ผอ.โรงเรียน มีการแบ่งเงินรางวัลให้ปีละ 100,000 บาท ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 ปี จึงมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินรางวัลดังกล่าว ของ ผอ.โรงเรียน ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร ซึ่งโพสต์เรื่องราวนี้มีการเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วเป็นวงกว้าง และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 15 ก.ค.60 ภายหลังผู้สื่อข่าวทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ และเข้าสอบถามกับทาง นางพวงทอง ศรีวิลัย ผอ.โรงเรียนศรีสังวาลย์ ซึ่งได้เปิดเผยกรณีดังกล่าวว่า เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลนั้นก็ได้ทราบเรื่องแล้ว และอยากชี้แจงเกี่ยวกับการจัดสรรเงินรางวัลดังกล่าว ซึ่งได้มีการบริหารจัดการร่วมกันในรูปแบบของคณะกรรมการทั้งของมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการและคณะกรรมการสถานศึกษา

โดยเงินรางวัลดังกล่าวถือเป็นของมูลนิธิสากล เพื่อคนพิการและโรงเรียนศรีสังวาลย์ ที่เป็นผู้ส่งทีมเข้าแข่งขันและออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งเงินรางวัลมีการจัดสรรให้ผู้ได้รับประโยชน์ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็กที่เข้าร่วมการแข่งขัน 8 คน ,กลุ่มครูและบุคลากรของโรงเรียน และกลุ่มเด็กพิการทั้งโรงเรียน ด้วยการนำเงิน 10 ล้านบาทไปซื้อสลากออมสิน แล้วใช้ค้ำประกันเงินกู้จากธนาคารออมสิน 9.5 ล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนให้ครูและบุคลากรกู้ยืม ซึ่งได้รับดอกเบี้ยปีละประมาณ 1 ล้านบาท นำไปจัดสรรผลประโยชน์ให้กับทั้ง 3 กลุ่ม

ทั้งนี้ในเรื่องการจัดสรรเงินรางวัลให้กับเด็กที่เข้าร่วมการแข่งขัน 8 คนนั้น ตั้งแต่แรกได้มีการกำหนดทางเลือกให้ 2 แบบ คือ แบบแรกรับส่วนแบ่งครั้งเดียวเป็นเงิน 200,000 บาท และแบบที่สองรับเงินรวม 500,000 โดยรับครั้งแรก 100,000 บาท ส่วนที่อีก 400,000 บาท รับปีละ 100,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาจนจบการศึกษาขั้นสูงสุดเท่าที่สามารถทำได้ โดยให้เด็กเปิดบัญชีธนาคารของตัวเองเพื่อรับเงิน ซึ่งทั้ง 8 คน เลือกรับแบบที่ 2 พร้อมทั้งมีการทำเอกสารไว้เป็นหลักฐานและบันทึกภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด และตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีการจ่ายเงินให้ตามเงื่อนไขที่ตกลงโดยไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

ขณะที่ปัจจุบันนอกจาก นายทัศนัย ที่ยายมารับกลับบ้านและไม่ได้พากลับมาโรงเรียนอีกแล้ว สมาชิกทีมอีก 7 คน ยังคงศึกษาเล่าเรียนอยู่ โดยยังเรียนและพักอยู่ที่โรงเรียนศรีสังวาลย์ 3 คน ,ย้ายไปเรียนร่วมที่โรงเรียนอื่น 3 คน และเรียนที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งใน อ.สันทราย อีก 1 คน ซึ่งทางโรงเรียนต้องการและพร้อมรับนายทัศนัย กลับมาเล่าเรียนตามเดิม เพราะเชื่อว่าจะเป็นผลดีกว่าทั้งในด้านการศึกษาและการรักษาพยาบาล พร้อมทั้งย้ำว่า ทุกวันนี้เงินรางวัลทั้ง 10 ล้านบาท ยังคงอยู่ครบถ้วน ทั้งนี้หลังจากผ่านพ้น 5 ปี ที่ต้องแบ่งสรรเงินให้สมาชิกทีม “วีลแชร์ แด๊นซ์” แล้ว หลังจากนั้นเงินดอกเบี้ยที่ได้ทั้งหมด จะนำเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการโรงเรียน ซึ่งเงินทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อส่งเสริมศักยภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กพิการอย่างยั่งยืน

สำหรับกรณีที่มีการโพสต์เรื่องราวในโซเชียลมีเดียและมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบนั้น ผอ.โรงเรียนศรีสังวาลย์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับนายทัศนัย แล้ว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งนายทัศนัย บอกว่ามีคนเข้ามาพูดคุยเป็นปกติธรรมดา แต่ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ โดยได้ทำความเข้าใจกันแล้ว ทั้งนี้การที่มีการนำเรื่องราวดังกล่าวนี้ไปโพสต์ในแง่หนึ่ง มองว่าเป็นการดีที่จะได้มีโอกาสชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจจะยังมีผู้ที่มีข้อมูลหรือเข้าใจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอยู่ อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการกำลังมีการปรึกษาฝ่ายกฎหมายด้วยว่า จะมีการดำเนินการใดๆ หรือไม่อย่างไร กรณีที่ทำให้ทางมูลนิธิ และโรงเรียนเกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงจากกรณีดังกล่าวนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น