ป่าไม้แจ้งอายัดเปลือกไม้ก่อพม่า

 

เจ้าหน้าที่หน่วยป่าไม้ รุดเข้าแจ้งความอายัด เปลือกไม้ก่อ นำเข้าจากเมียนมา หลังพบกลิ่นฉาวโฉ่ ไม่ขออนุญาตนำเข้าผ่านเขตอุทยาน และรับเสียภาษีก่อนตรวจสอบสินค้า รวมไปถึง มีการเสียภาษีเกินสินค้าที่นำเข้า ขณะที่ผู้ประกอบการโร่วิ่งหาผู้ใหญ่ของจังหวัดหวังให้ช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2560 เวลา 15.50 น.นายทวีชัย กันทใจ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษกรมป่าไม้ที่ 32 แม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ, เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ (ปทส.), ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดฯ และตำรวจตระเวนชายแดนกองร้อยที่ 336 ปางหมู เดินทางไปแจ้งความต่อ พ.ต.ท.วรธันย์ เครือจันต๊ะ รองผกก.สส.สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน ตาม ปจว.ข้อ 6 วันที่  1 สิงหาคม 2560 เพื่อให้ดำเนินการอายัดสินค้านำเข้า จากสหภาพเมียนมา เป็นเปลือกไม้ก่อ บนรถบรรทุกจำนวน 4 คัน ประกอบด้วย รถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 70-6380 ลำปาง, รถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-2148 แม่ฮ่องสอน, รถบรรทุกพ่วงหมายเลขทะเบียน 70-7989 เชียงใหม่ และรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 70-6760 เชียงใหม่ ที่บรรทุกสินค้าเปลือกไม้ก่อ ไว้ในรถบรรทุกทั้ง 4 คันซึ่งไม่น่าจะสอดคล้องกับเอกสารการรับชำระภาษี ที่ระบุว่ามีจำนวน 80,000 กิโลกรัม

โดยคณะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมตรวจสอบ มีความเห็นร่วมกันว่า การดำเนินการในกรณีดังกล่าวอาจจะมีความไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง รวมทั้งการนำสินค้าประเภทเปลือกไม้ก่อ หรือไม้สีเสียด จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในราชอาณาจักร จำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมาย หรือข้อตกลงใดใด อย่างเคร่งครัด เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ในชั้นนี้จึงเห็นควรอายัดสินค้าประเภทเปลือกไม้ก่อไว้ เพื่อตรวจสอบต่อไป

ในวันเดียวกัน หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่ 32 กรมป่าไม้ ได้ทำหนังสือถึง ด่านศุลกากรจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรื่อง ขอรับสำเนาเอกสาร เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้า เปลือกไม้ก่อจำนวน 80,000 กิโลกรัม เพื่อประกอบสำนวนคดีโดยก่อนหน้านั้น จากการเข้าไปตรวจสอบ สินค้านำเข้า ช่องทางบ้านดอยแสง หมู่ที่ 13 ตำบลปางหมู อําเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนฐานปฏิบัติการช่องทางบ้านดอยแสง ยืนยันว่าได้มีการนำเข้าสินค้า เปลือกก่อจากสหภาพเมียนมาจริง โดยมีการขนลำเลียงข้ามแดนผ่านด่าน ตชด.ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 จริง      ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 32 กรมป่าไม้, จนท.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน, จนท.ตำรวจกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดแม่ฮ่องสอน, จนท.ตำรวจ กก.4 บก.ปทส., จนท.อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ และ จนท.ตชด.กองร้อยที่ 336 ปางหมู  ได้ร่วมกันตรวจสอบการนำเข้าสินค้าประเภทเปลือกไม้ก่อ ตามนัยหนังสือด่านศุลกากรแม่ฮ่องสอน ด่วนที่สุด กค ที่ 0502(24)/1245 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 เรื่องขอให้เจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบ ซึ่งได้มีการแจ้งว่าจะทำการตรวจสอบสินค้าประเภทเปลือกไม้ก่อ น้ำหนักประมาณ 80,000 กก. ของห้างหุ้นส่วนจำกัด เคดับบลิว อินเตอร์เทรด (1977) ณ ด่านศุลกากรในวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2560 ซึ่งตรงกับวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อันเป็นวันหยุดราชการ จึงไม่ทราบว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนมากน้อยเพียงใด ที่จะต้องเร่งรัดดำเนินการในวันหยุดราชการ  และต่อมาภายหลังได้ทราบว่า มีการนำเข้าสินค้าประเภทเปลือกไม้ก่อ ในวันที่  27 กรกฎาคม 2560 และไม่มีส่วนราชการใดร่วมตรวจสอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหากมีการร่วมตรวจสอบสินค้าในวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2560 ก็ไม่มีสินค้าให้ตรวจสอบแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบสินค้าและได้รับการยืนยันจากคนขับรถบรรทุกว่า สินค้าที่นำมาจอดเพื่อรอขออนุญาตออกใบเบิกทางของกรมป่าไม้ ว่าสินค้าทั้งหมดมีน้ำหนักประมาณ 40,000 กก. ขณะที่ใบเสียภาษีของศุลกากรที่นำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่พบว่า มีการเสียภาษีพิกัดระวางสินค้าทั้งหมด จำนวน 80,000 กก.

สำหรับการนำเข้า สินค้า เปลือกไม้ก่อจากสหภาพเมียนมาร์ เข้ามาในไทย ผ่านช่องทางบ้านดอยแสง หมู่ 13 ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่า มีการเสียภาษี ในวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ก่อนที่จะมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องตามคำสั่งของศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนอกจากนั้น ยังพบว่าการนำเข้าสินค้าดังกล่าวยังไม่ได้ทำเรื่องขออนุญาตผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่ง เรื่องดังกล่าวทางอุทยาน ถ้ำปลาน้ำตกผาเสื่อ จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน สภ. เมือง แม่ฮ่องสอน เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไปล่าสุดทางหน่วยงานป่าไม้ ได้เดินทาง ไปขอเอกสาร จากด่านศุลกากรแม่ฮ่องสอน เพื่อประกอบ คดีดังกล่าว โดยให้ทางด่านศุลกากร เซ็นในบันทึกเอกสาร เพื่อรับรองเอกสาร แต่พบว่า ตั้งด่านศุลกากรแม่ฮ่องสอน ยังไม่สามารถดำเนินการให้ตามที่ร้องขอได้

นายวีระชัย มงคลพันธุ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ เปิดว่า การนำเข้าสินค้าประเภทเปลือกไม้ก่อ ในครั้งนี้ ทาง ห้างหุ้นส่วนจำกัด เคดับบลิว อินเตอร์เทรด (1977) ยังไม่ได้มีการยื่นเรื่องขออนุญาตผ่านเขตอุทยาน ฯ แต่อย่างใด ทั้งนี้การจะนำสินค้าหรือการจะเนินการใดใดในเขตอุทยานฯ จะต้องยื่นเรื่องขออนุญาตผ่านเส้นทางในเขตอุทยานก่อน จึงจะสามารถนำสินค้าประเภทไม้ ผ่านเข้า-ออกได้ อนึ่งก่อนหน้านั้น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีหนังสือลับ ด่วนที่สุด ที่ ทส 0912.4/101 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2547 เรื่องการนำของป่าเข้ามาในราชอาณาจักร ผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ดอยเวียงหล้า เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อขอให้แจ้งผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎกระทรวง และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวโดยเคร่งครัด ในชั้นนี้จึงให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ แจ้งให้ผู้ขออนุญาตนำเขาเปลือกไม้ก่อเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่านพื้นที่เขตอุทยานถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ จะต้องสำรวจข้อมูลเบื้องต้นว่า ต้นไม้ก่อในพื้นที่ฯ มีมากน้อยเพียงใด และให้กำหนดมาตรการในการป้องกันและกำกับควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อมิให้มีการลักลอบนำไม้ในไทยไปสวมรอยเป็นของป่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

การค้าชายแดนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะมีช่องทางอนุมัติให้เปิดเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า จากคำสั่งของศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 5 ช่องทาง คือ 1. ช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมือง 2. ช่องทางบ้านน้ำเพียงดิน ต.ผาบ่อง อ.เมือง 3. ช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น ต.แม่เงา อ.ขุนยวม 4. ช่องทางบ้านเสาหิน ต.แม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง และ 5. ช่องทางบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ซึ่งช่องทางเหล่านั้น การนำเข้าสินค้าจากประเทศเมียนมา และนำเข้าโดยใช้ พรบ.มาตรา 5 ทวิ ของกรมศุลกากรเป็นหลัก แต่สำหรับที่ช่องทางบ้านดอยแสง เป็นที่น่าสังเกตว่า ทางศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่ดำเนินการประกาศให้เป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าเหมือนช่องทางอื่นๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งที่มีการนำเข้าสินค้าและส่งออกเป็นจำนวนมาก และผ่านเขตรักษาพันธุ์ป่า กรมอุทยานและเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ แต่การนำเข้าสินค้าทุกครั้งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไม่เคยทำเรื่องขออนุมัติผ่านเขตทางในพื้นที่ดังกล่าวแม้แต่รายเดียว และที่สำคัญทางศูนย์สั่งการชายแดน ก็เคยได้รับหนังสือจากกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ระบุว่าผู้จะนำสินค้าประเภทไม้ และสัตว์ต้องขออนุญาตทุกครั้ง แต่ก็ไม่มีการท้วงติงหรือแจ้งให้แก่ผู้ประกอบการทราบแต่อย่างใด

ในส่วนของด่านศุลกากร ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และ อุทยานฯ ต่างก็พบพิรุธในเรื่องการ นำเข้าสินค้าและการเสียภาษีสินค้านำเข้า เช่นกัน โดยพบว่า มีการออกใบเสร็จชำระภาษีให้กับผู้ประกอบการ ทั้งที่สินค้ายังมาไม่ถึงที่ตั้งด่านศุลกากรและยังไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามหนังสือของศูนย์สั่งการชายแดน ไทย-เมียนมา จังหวัดแม่ฮ่องสอน และที่สำคัญการเสียภาษีจะต้องมีการตรวจสอบสินค้าว่ามีจำนวนเท่าใด จึงจะสามารถประเมินเป็นเงินภาษีได้ แต่กลับมีการออกใบรับชำระภาษี เป็นยอดสินค้าถึง 80,000 กก. ขณะที่สินค้าที่นำมาถึงด่านมี ยอดจำนวนเพียง 40,000 กก. ส่งผลให้ทางหน่วยงานป่าไม้ ต้องร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่ออายัด และทางตำรวจ จะดำเนินการนำสินค้าไปชั่งน้ำหนักที่ สำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อหายอดสินค้าที่แท้จริง ก่อนที่จะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น