เปิดเกมรุก หนุนคนไทยใช้ระบบพร้อมเพย์

ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ รุกส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจใช้ระบบพร้อมเพย์ เพื่อเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และลดค่าใช้จ่าย เผยมีผู้สมัครเข้าใช้กว่า 32 ล้านหมายเลข มั่นใจระบบพร้อมเพย์จะช่วยพัฒนาศักยภาพการแข่งขันและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับภาคธุรกิจ ผ่านช่องทางการรับชำระเงินที่หลากหลายและมีมาตรฐานสากลมากขึ้น

นายสิงห์ชัย บุณยโยธิน ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยว่า หลังจากการเปิดใช้ระบบ พร้อมเพย์ อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเปิดให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถโอนเงินได้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยใช้เพียงเลขบัตรประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ แทนการระบุเลขที่บัญชีเงินฝากของผู้รับเงิน เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชำระเงินของประชาชนจากการใช้เงินสดไปสู่การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างทั่วถึงและแพร่หลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของภาคธุรกิจและประเทศ สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาล

ทั้งนี้ ผู้ใช้ต้องมาลงทะเบียนเพื่อผูกบัญชีที่มีอยู่กับธนาคารนั้นเข้ากับเลขประจำตัวประชาชน หรือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ โดยธนาคารจะมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ว่าเป็นเจ้าของตัวจริง ไม่มีการปลอมแปลง เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน และหลังจากลงทะเบียนแล้วธนาคารจะมีการแจ้งยืนยันว่าผ่านการลงทะเบียนหรือไม่ โดยสามารถสมัครผ่าน 4 ช่องทาง คือ ตู้ ATM, Mobile Banking, Internet Banking และสาขาธนาคาร โดยประชาชนสามารถมาลงทะเบียนเมื่อไหร่ก็ได้ ตามความสะดวกและความพร้อมของประชาชน

นายสิงห์ชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม สะดวกและปลอดภัย โดยเฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่มีสิทธิรับเงินสวัสดิการจากภาครัฐ จะมีช่องทางการรับเงินช่วยเหลือที่สะดวกขึ้น รวมทั้งการรับจ่ายเงินกับหน่วยงานภาครัฐจะมีช่องทางที่รวดเร็วมากขึ้น และที่สำคัญคือจะมีฐานข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการประเมินผลนโยบายปัจจุบัน เพื่อนำไปพัฒนานโยบายสวัสดิการสังคมในอนาคตได้ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการและ SMEs

โดยเฉพาะการขายสินค้าทางออนไลน์ ที่สามารถรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้สะดวก ลดค่าใช้จ่าย และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าอีกด้วย ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะช่วยพัฒนาศักยภาพการแข่งขันและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับภาคธุรกิจ ผ่านช่องทางการรับชำระเงินที่หลากหลายและมีมาตรฐานสากลมากขึ้น เป็นการลดต้นทุนโดยเฉพาะ การบริหารจัดการเงินสด และลดภาระการจัดการเอกสารและนำส่งภาษีที่เกี่ยวข้อง สามารถต่อยอดไปสู่โครงการอื่นๆในอนาคต ที่ประเทศไทยจะก้าวสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยล่าสุดมีผู้สมัครเข้าใช้บริการพร้อมเพย์แล้วจำนวน 32.3 ล้านหมายเลข

ร่วมแสดงความคิดเห็น