โหรดัง อ.วารินทร์ ระบุเตรียมยื่นฟ้องแพ่งคดีหมิ่นประมาทคนให้ร้ายอีก หลังศาลพิพากษาลงโทษ”ปราโมทย์ สมัครการ”ในคดีหมิ่นประมาท พร้อมทำนายบ้านเมืองยันเป็นไปตามโรดแม็ป

โหรดัง อ.วารินทร์ ระบุเตรียมยื่นฟ้องแพ่งคดีหมิ่นประมาทคนให้ร้ายอีก หลังศาลพิพากษาลงโทษ”ปราโมทย์ สมัครการ”ในคดีหมิ่นประมาท พร้อมทำนายบ้านเมืองยันเป็นไปตามโรดแม็ป หมดเวลากลุ่มอำนาจเก่า อดีตนายกฯ หญิง-พี่ชายไม่ได้กลับ ไร้นารีขี่ม้าขาว คสช.ยังจัดระเบียบให้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคศรีวิไล

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วิหารหลวงปู่เกวาลัน หมู่บ้านสุขิโต อ.เมืองเชียงใหม่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์ โหรชื่อดัง ฉายา “โหร คมช.” ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้พิจารณาคดีดำ ที่ อ.4133/59 ในวันเดียวกันนี้ ซึ่งทางพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายปราโมทย์ สมัครการ เลขาธิการศูนย์ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเชียงใหม่-ลำพูน ในความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยศาลได้พิจารณาพิพากษาจำเลยมีโทษจำคุก 6 เดือนปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยรับสารภาพและจำนนต่อหลักฐาน ศาลเมตตา โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมคุมประพฤติ 4 ครั้ง ใน 1 ปี และให้ทำประโยชน์ 24 ชั่วโมง ส่วนตัวได้รับทราบผลคดีจากทนายก็รู้สึกสบายใจขึ้น

หลังจากต้องอดทนต่อการถูกดูหมิ่น ใส่ร้าย มาตลอดระยะเวลา 4 ปี และขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรมในครั้งนี้ ซึ่งจะเดินหน้าฟ้องร้องทางแพ่งต่อไป เนื่องจากเห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมาเพราะถูกร้องไปหลายช่องทางมาก ซึ่งหากฟ้องแพ่งสำเร็จจะนำรายได้เข้ามูลนิธิข่วงพระเจ้าล้านนา เพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป เบื้องต้นทีมกฎหมายกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อประเมินความเสียหายในการฟ้องทางแพ่ง ซึ่งก็ถือว่ามากแต่ก็ไม่น่าจะเกิน 100 ล้านบาท

“ทุกท่านจะเห็นแล้วว่า การกระทำของนายปราโมทย์ ทำให้ผมได้รับความเสียหายในด้านชื่อเสียง เกียรติยศ และวงศ์ตระกูล อีกทั้งธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ โดยนายปราโมทย์ได้กระทำการใส่ความให้ร้าย ป้ายสี ซึ่งไม่มีมูลแม้แต่น้อย ผมไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ผมเองไม่เคยไปทำอะไรให้เขาได้รับความเสียหายแต่ประการใด แต่นายปราโมทย์พยายามดิสเดรดิตผม ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใดเขาถึงมาใส่ความและให้ร้ายผม ทำให้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ก็เป็นได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาร่วม 30 ปี ผมได้ช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อน และช่วยทะนุบำรุงพระพุทธศาสนามาโดยตลอด เพราะผมคิดว่าผมมีหน้าที่เพื่อสืบสานศาสนา รักษาแผ่นดิน โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น ซึ่งได้ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆตามที่ท่านได้รับรู้ตลอดมา อยากให้คดีนี้เป็นบทเรียนแก่นายปราโมทย์ ซึ่งจะได้ไม่ไปให้ร้ายกับผู้บริสุทธิ์คนอื่นต่อไป เพราะผมเชื่อว่า “กฏแห่งกรรม” มีจริง ไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น” อ.วารินทร์กล่าว

ขณะเดียวกันมองว่า ผลจากคำพิพากษาในคดี ก็ทำให้สังคมและคนได้เข้าใจข้อเท็จจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องไม่มีมูลความจริงกับข้อกล่าวหา ให้ร้ายที่จำเลยได้ร้องต่อหน่วยงานต่างๆ ซึ่งก็ยังมีอีกหลายส่วนที่กำลังตรวจสอบตามขั้นตอนอยู่ ทั้งนี้ส่วนตัวบริสุทธิ์ใจก็ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยที่มีการถูกร้องเรียนไป ซึ่งผลการตรวจสอบก็ไม่พบหลักฐานบ่งชี้ตามที่ถูกร้อง เป็นการให้ร้ายที่เป็นเท็จ ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ และจากข้อมูลที่เก็บหลักฐานของทีมกฎหมายก็เชื่อได้ว่า จำเลยอาจไม่ได้ทำเองลำพัง มีขบวนการเชื่อมโยงกันอยู่ ตอนนี้กำลังขอให้เจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบ ดังนั้นแม้ในทางอาญาจะมีคำพิพากษาของศาลแล้วตนก็ต้องปกป้องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีที่ได้รับความเสียหายตลอดเวลาที่ถูกกล่าวหา ก็ต้องดำเนินการฟ้องทางแพ่งต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น