ป่าไม้สอนชุมชนเพาะกล้าไม้ แนะปลูกไม้มีค่าเสริมรายได้

นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ วางเป้าหมายเพิ่มพื้นที่ป่าร้อยละ 40 ภายใน 20 ปี โดยจัดทำ “โครงการศูนย์พัฒนาอาชีพการเพาะชำกล้าไม้ หรือ โรงเรียนกล้าไม้” เพื่อถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชนที่สนใจเรียนรู้วิธีการเพาะชำกล้าไม้ พร้อมให้การสนับสนุนกล้าไม้ต่าง ๆ เช่น ไม้โตเร็ว ไม้สมุนไพร ไม้ดอก ไม้ท้องถิ่น ไม้มีค่า โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ ประสบการณ์ด้านการเพาะชำกล้าไม้ให้ประชาชนที่สนใจเข้าฝึกอบรมฯในแต่ละพื้นที่

นอกจากมุ่งหวังให้ความรู้ประชาชนที่เข้ารับการอบรม นำการเพาะชำกล้าไม้ สร้างเสริมรายได้แล้ว ยังเป็นการวางรากฐานชุมชน ครัวเรือนในการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ตามหลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ให้ชุมชนสามารถผลิตกล้าไม้ไว้ปลูกหรือแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการ นำกล้าไม้ไปปลูก
นายสมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ (สจป.ที่ 1 ชม.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2560 มีการจัดอบรมไปแล้ว 6 ครั้ง ใน 6 จังหวัด ซึ่งเชียงใหม่เป็นหนึ่งในนั้น และในปี 2561 กรมป่าไม้วางแผนจะขยายพื้นที่จัดฝึกอบรมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ

….ตรวจเยี่ยม…

สมชาย เปรมพาณิชย์นุกูล ผอ.สจป.ที่ 1 (ชม.) ได้มาตรวจเยี่ยม สถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดเชียงใหม่ (ห้วยดินดำ) หมู่ 7 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
“โรงเรียนกล้าไม้ ถือเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างเข้มแข็ง อีกทั้งการปลูกไม้มีค่าหรือไม้หวงห้าม เช่น ไม้พะยูง ประดู่ ชิงชัน ยางนา หากประชาชนมีพื้นที่ปลูกไว้ 5 – 10 ไร่ ในอนาคตอีก 20 ปีข้างหน้า จะสามารถตัดขายได้ราคา ถือเป็นเงินออมหรือเงินมรดกในอนาคต เพราะไม้ทุกวันนี้มีราคาแพงมาก เพียงแต่ต้องขึ้นทะเบียนตาม พ.ร.บ. สวนป่าให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ขอเชิญชวนประชาชนปลูกไม้มีค่า เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพให้ระบบนิเวศน์กลับคืนสู่สภาพป่าธรรมชาติแล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น