บุกจับไม้เถื่อน! หลังทำเป็นบ้านอำพราง เพื่อตบตา จนท.

จนท. ตำรวจ ทหาร จนท.อุทยาน บุกจับไม้เถื่อน หลังทำเป็นบ้านอำพรางเพื่อตบตา จนท. เจ้าของไหวตัวทันหลบหนีไปได้ จนท.พอรู้เบาะแสแล้วว่าใคร จะทำการขยายผลติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

เมื่อเวลา 13:00 น. วันที่ 25 ก.ย. 60 พ.ต.ท.กิตติ์ธนัตถ์ มหาวันแจ่ม จนท.ชุดป้องกันและปราบปรามการกระทำ ความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมภูธร จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ หน.พื้นที่แบบบูรณาการอุทยานแห่งชาติศรีลานนา อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พร้อม จนท.กว่า 50 นาย จนท.ทหาร ป.พัน 7 นำกำลังเข้ารื้อถอนบ้านไม้อำพราง ที่สร้างกลางสวนลำไย ของกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ หมู่บ้านม่วงขอน ม.3 ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว

หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้ลักลอบตัดไม้ในป่าอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เพื่อส่งขายทำเฟอร์นิเจอร์ให้กับนายทุน พร้อมยึดของกลางไม้ประดู่ แปรรูปและไม้กระยาเลย ขนาดใหญ่เกือบ 200 แผ่น ส่วนผู้กระทำความผิดไหวตัวทันหลบหนีไปได้

พ.ต.ท.กิตติ์ธนัตถ์ มหาวันแจ่ม เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.60 ที่ผ่านมา จนท.ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีการลักลอบตัดไม้กระยาเลย และไม้ประดู่ และมีการขนย้ายมาไว้ที่จุดตรวจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ต.ป่าไหน่ จึงเข้าตรวจสอบพบไม้ท่อนและไม้แปรรูป ที่มีการสภาพดิบชื้นและมีรอยเลื่อยใหม่ ๆ แต่ไม่มีตราประทับหน้าตัดหน้าไม้ของเจ้าพนักงานจึงยึดมาตรวจสอบ กระทั่งสืบทราบว่าไม้ดังกล่าว น่าจะมาจะแหล่งเดียวกันในวันที่ 19 ก.ย. จึงได้ขออนุมัติหมายศาล จ.เชียงใหม่

นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้าน นายสุภาพ อารามแก้ว กำนัน ต.ป่าไหน่ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย ขณะเดียวกันบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงพบไม้ประดู่แปรรูปอยู่ภายในบริเวณบ้านญาติของกำนัน จึงยึดมาตรวจสอบก่อนจะขยายผลเข้ารื้อถอนบ้านไม้อำพรางที่สร้างไว้กลางสวนลำไยท้ายหมู่บ้าน ก่อนจะควบคุมตัวเจ้าของสวนไปสอบปากคำ เพื่อขยายผลหาเจ้าของไม้ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าไม้แปรรูปที่ยึดได้นั้น เป็นของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ที่มีการจ้างคนต่างถิ่นมาแปรรูปก่อนจะลำเลียงส่งขาย

ทางด้าน นายยศวัฒน์ เธียรสวัสดิ์ หน.พื้นที่แบบบูรณาการอุทยานแห่งชาติศรีลานนา เปิดเผยว่า สำหรับปฏิบัติการตรวจยึดไม้แปรรูปจากขบวนการการลักลอบตัดไม้นั้น เนื่องจากได้มีกลุ่มชมรมคนพร้าวรักษ์ป่า ได้มีการแจ้งข่าวสารว่ามีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ๆทั้ง ไม้กระยาเลย /ไม้ประดู่และไม้ซ้อ ซึ่งมีอายุหลายร้อยปีจากป่าต้นน้ำห้วยโก๋น มาแปรรูปก่อนจะสร้างบ้านอำพราง ซึ่งอุทยานฯจึงได้มีการสืบสวนขยายผลพบว่า มีการนำไม้มาซุกซ่อนไว้หลายจุดที่ยากต่อการเข้าถึง จึงเข้าทำการเข้ารื้อถอนบ้านไม้ที่ปลูกอำพรางไว้

บ้านอำพรางจะแตกต่างจากบ้านทั่วไป โดยไม่มีหน้าต่าง ตีฝาบ้านหลายชั้น ไม่มีเลขที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีการนำน้ำมันเครื่องมาทาบริเวณฝ้าบ้าน เพื่อให้ไม้ดูเก่าเพื่อเป็นการตบตา จนท. ต่อจากนั้นก็จะแกะขายและนำไปส่งให้นายทุน เพื่อทำเฟอร์นิเจอร์ใน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ และใน จ.ลำพูน โดยอาศัยช่วงที่ จนท.มีกิจกรรมการปลูกป่าและช่วงวันหยุดยาวลำเลียงขนไม้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เบาะแสแล้วว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือใคร จะได้ขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น