แห่ใช้บริการ ซื้อของผ่านบัตรสวัสดิการรัฐ

ผู้มีรายได้น้อยในเชียงใหม่ทยอยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะผู้สูงอายุรู้สึกดีใจที่ไม่ต้องขอเงินลูกหลานใช้ ขณะที่ยอดจำหน่ายสินค้าเฉลี่ยทั้งจังหวัด วันละกว่า 12 ล้านบาท พร้อมเชิญชวนสมัครเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ หวังให้กระจายครอบคลุมทั้ง 25 อำเภอ

นางสัญญา ไชยเชียงของ คลังจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการประกาศผลผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา จังหวัดเชียงใหม่ มียอดผู้ลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งหมด 436,813 ราย มีผู้ผ่านคุณสมบัติ จำนวน 358,773 ราย และรับบัตรไปแล้ว จำนวน 182,494 คน ซึ่งยังมีประชาชนผู้มีสิทธิที่ยังไม่ได้ไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐยังสามารถไปรับบัตรได้ โดยจะต้องนำบัตรประชาชนไปติดต่อขอรับบัตรฯ ณ ธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ โดยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่รับมานั้น กรมบัญชีกลางได้มีการทบยอดค่าใช้จ่ายของเดือนตุลาคม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในเดือนพฤศจิกายนได้ เนื่องจากประชาชนผู้มีสิทธิยังไม่ได้ไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนมาก
สำหรับ สิทธิผู้ที่ได้รับบัตรฯ จะได้รับการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมี 2 หมวด ได้แก่ หมวดการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ประกอบด้วย 1) วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตร จากร้านธงฟ้าประชารัฐ โดยผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อคนต่อปี จะได้รับ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาท จะได้รับ 200 บาทต่อคนต่อเดือน และ 2) วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และหมวดการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งประกอบด้วย 1) วงเงินค่าโดยสารรถเมล์/รถไฟฟ้า 500 บาทต่อคนต่อเดือน 2) วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อคนต่อเดือน และ 3) วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อคนต่อเดือน ทั้งนี้ รัฐบาลจะเติมเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน ใช้หมดหรือไม่หมด ไม่สามารถจะทบยอดไปในเดือนต่อไปได้ และไม่สามารถถอนวงเงินสวัสดิการออกจากบัตรฯ เป็นเงินสดได้
ด้าน นางนิยดา หมื่นอนันต์ พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน จัดจำหน่ายสินค้าจำเป็นต่อการครองชีพราคาพิเศษในร้านค้าปลีกภายใต้โครงการ “ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ” ซึ่งผู้ประกอบการจะจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อการศึกษา และสินค้าวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้ได้ซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพในราคาที่ถูกกว่าราคาปกติ โดยจะให้กระจายครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้นเหล้าและบุหรี่ ที่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย หลังจากที่ได้เปิดรับสมัครร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมสมัครไปแล้ว 699 ร้านค้า ใน 186 ตำบล ซึ่งได้ติดตั้งเครื่อง EDC ไปแล้ว จำนวน 202 เครื่อง เพื่อรองรับการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เริ่มใช้ไปแล้วในวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา
จากการลงพื้นที่ของสำนักงานคลังจังหวัดเชียงใหม่และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสอบถามความรู้สึกและปัญหาอุปสรรคของผู้ที่นำบัตรมาใช้ซื้อสินค้า บางร้านต้องต่อแถวรอคิวซื้อกันบ้าง เนื่องจากต้องเช็คสิทธิว่ามีวงเงินในบัตรเท่าไร่ แต่ทุกคนล้วนดีใจที่รัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่ต้องขอเงินลูกหลานมาใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคภายในบ้านแล้ว ส่วนกรณีเป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ผู้ป่วย หรือผู้พิการ สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ โดยผู้ลงทะเบียนต้องกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มและลงนามด้วยตนเอง แล้วจึงมอบอำนาจให้ผู้อื่นมายื่นแบบฟอร์มที่หน่วยรับลงทะเบียน พร้อมกำชับห้ามประชาชนนำบัตรฯไปจำหน่ายต่อโดยเด็ดขาด หากตรวจสอบพบว่ามีการขายบัตรต่อ หรือแอบอ้างเอาบัตรของบุคคลอื่นไปใช้ซื้อสินค้าทางรัฐจะยกเลิกบัตรทันที
ขณะเดียวกัน ผู้มีรายได้น้อยเข้ามาใช้บริการในร้านธงฟ้าประชารัฐในแต่ละอำเภอเฉลี่ยวันละ 200 – 300 คน/ร้านค้า มียอดจำหน่ายสินค้าเฉลี่ยทั้งจังหวัด วันละ 12,000,000 บาท (จากจำนวนร้านค้า 202 เฉลี่ยร้านค้าละ 60,000 บาท/วัน) ซึ่งคาดกระจายครอบคลุมทั้ง 25 อำเภออย่างแน่นอน สำหรับสินค้าที่ขายดี ได้แก่ ข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่ไก่ เครื่องปรุงรส ผงซักฟอก ปลากระป๋อง เป็นต้น ร้านค้าบางแห่งในอำเภอเมืองมีการสั่งสินค้าประชารัฐเข้าจำหน่าย และได้รับสินค้าจากผู้ผลิตเรียบร้อยแล้ว ในส่วนร้านที่เหลือยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากกรมบัญชีกลางและธนาคารกรุงไทย โดยคาดว่าจากจำนวนผู้ลงทะเบียน 3 แสนกว่าราย ถ้าได้รับเงินขั้นต้น 200-300 บาททุกคน เฉลี่ยแล้วจะมีเงินสะพัดในจังหวัดเชียงใหม่อย่างน้อย 70 ล้านบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น