คนไทยอยากขับ NISSAN NOTE e-POWER รถใช้น้ำมัน + มอเตอร์ไฟฟ้า

หลังจากค่ายนิสสันในบ้านเราเปิดตัว NISSAN NOTE รถคอมแพค 5 ประตู แต่ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เครื่องเดียวกับ นิสสัน มาร์ช และ นิสสัน อัลเมร่า ซึ่งกระแสตอบรับแรกๆก็ยังเงียบๆ แต่เมื่อนานวันเข้าการได้ไปทดลองขับและทราบจากสื่อต่างๆ ยอดจองของ นิสสัน โน๊ตในบ้านเราก็เพิ่มปริมาณขึ้น เพราะความเป็นรถประหยัดน้ำมันแต่ให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมายและยังอัดเทคโนโลยีล้ำสมัยลงไปอีก ทำให้กระแสตอบรับของนิสสันโน๊ตในปัจจุบันตื่นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะตามท้องถนนทุกวันนี้ นิสสันโน๊ตเริ่มมีวิ่งให้เห็นจนชินตาไปแล้ว ด้วยรูปทรงที่แปลกกว่านิสสันที่มีจำหน่ายอยู่ก่อนแล้ว และยังไปใกล้เคียงกับรถในระดับ 1.5 ลิตร แต่เมื่อมองดูที่โลโก้ มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่บ้านเรากำลังเห่อ นิสสัน โน๊ต รถคอมแพคคาร์ 5ประตู ทางญี่ปุ่นเขาก็นำเอา นิสสัน โน๊ต e-power ออกมาจำหน่ายด้วย เรียกได้ว่าในเมืองไทยขาย โน๊ต ใช้น้ำมัน แต่ บริษัทในญี่ปุ่นขายโน๊ต ใช้น้ำมัน+มอเตอร์ไฟฟ้า รูปทรงคล้ายกันเลยซึ่งพอคนไทยทราบข่าวนี้ก็มีความอยากได้ถ้าหากราคาไม่แพงจนเกินไป เพราะรถมอเตอร์ไฟฟ้า กับรถไฮบริดก็ใช้การขับเคลื่อนคล้ายๆกัน ไม่มีการเสียบปลั๊กไฟเหมือนปลั๊กอินไฮบริด และรถไฟฟ้า100% ที่ต้องมีการลากสายชาร์ทไฟจากปั๊มซึ่งในอนาคตคาดว่ารถปลั๊กอินอาจเข้ามาขายก่อนรถไฟฟ้าจริงๆ แต่ค่ายนิสสันเขามีรถไฟฟ้า 100% ออกจำหน่ายไปทั่วโลกแล้วนานแล้ว นั่นคือนิสสัน ลิฟท์ แต่บ้านเราเข้ามาขายไม่ได้เพราะกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้ามันทำให้ราคาของนิสสันลิฟท์แพงจนไม่กล้าซื้อแถมที่ชาร์ทไฟยังไม่มีอีกก็จะลำบากสำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าในปัจจุบัน
สำหรับข้อมูลของรถนิสสันโน๊ต e-power ที่คนไทยอยากขับ อี-เพาเวอร์ ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง โดยที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดกะทัดรัดในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป ด้วยแนวคิดและการออกแบบที่ล้ำหน้าของทีมวิจัยและพัฒนาของนิสสัน ภายใต้ ระบบอี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่เชื่อมต่อเข้ากับชุดส่งกำลังหรือเกียร์โดยตรง แต่จะทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าและชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ก่อนที่กระแสไฟฟ้านี้จะถูกส่งไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างกำลังเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ ระบบ อี-เพาเวอร์ มีความโดดเด่นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลัง เพราะในระบบไฮบริดทั่วไปมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงานในภาวะที่แบตเตอรีมีกำลังไฟฟ้าต่ำหรือขณะอยู่ในย่านความเร็วสูง และขณะเดียวกัน ระบบ อี-เพาเวอร์ยังแตกต่างกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังงานไฟฟ้ามาจากชาร์จแบตเตอรีเพียงอย่างเดียวอีกด้วยโดยทั่วไป โครงสร้างของระบบรถยนต์ไฟฟ้าแบบ นิสสัน ลีฟจำเป็นต้องมีมอเตอร์และแบตเตอรีขนาดใหญ่เป็นแหล่งกำลังหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งยากต่อการนำระบบไปประยุกต์ให้เข้ากับรถยนต์แบบคอมแพ็กต์ทั่วไปได้ แต่ทีมวิศวกรของนิสสันสามารถค้นพบวิธีการที่ลดได้ทั้งขนาดและน้ำหนักไปจนถึงพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์และจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ได้ทำให้ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ มีแบตเตอรีที่มีขนาดย่อมกว่านิสสัน ลีฟ แต่สามารถให้ความรู้สึกในการขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
ประโยชน์ของ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ขุมพลังแบบ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย คนไทยก็ต้องร้องเพลงรอไปก่อนนะจนกว่านิสสันมอเตอร์ฯจะใจอ่อนให้คนไทยได้ขับโน๊ต อี-พาวเวอร์ คงเร็วๆนี้แหละได้ขับแน่เชื่อผม! แอ๊ด NV [email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น