ธ สถิตมิ่งมั่น ขวัญ มช.

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2508 ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกไปรับใช้สังคมอย่างต่อเนื่องมากว่า 50 ปี และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2509 จนถึงครั้งที่ 33 เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2542 หลังจากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนจวบจนถึงปัจจุบัน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในส่วนภูมิภาค ก่อตั้งเมื่อพุทธศักราช 2507 ตามนโยบายของรัฐและเจตนารมณ์ของประชาชนในภาคเหนือ เป็นศูนย์กลางทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ท้องถิ่นและประเทศชาติโดยส่วนรวม ตามกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เป็นพระปฐมพระบรมราโชวาท ในพิธีเปิดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พุทธศักราช 2508 ความตอนหนึ่งว่า
“เวลานี้ เรากำลังต้องการคนดีมีปัญญาและมีความรอบรู้ในด้านต่างๆ มาเป็นกำลังทะนุบำรุงบ้านเมืองเป็นจำนวนมาก และยังจะต้องการเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นลำดับในวันข้างหน้า เพราะเราจำเป็นต้องทำความเจริญให้แก่ประเทศและประชาชนให้ทั่วถึง ต้องอาศัยสติปัญญา ความสามารถของผู้มีการศึกษาชั้นสูงเป็นสำคัญ และเมื่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เริ่มต้นดีแล้ว ขอให้พยายามดำเนินกิจการให้ก้าวหน้าต่อไป ให้ได้ผลสมกับความเพียรพยายามที่จะก่อตั้ง และสมกับความสามารถที่ได้ตั้งไว้”
พระบรมราโชวาทนี้สอดคล้องกับปณิธานของมหาวิทยาลัย คือ…..
“มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นแหล่งสะสม ค้นคว้า วิจัย และถ่ายทอดความรู้ ตามหลักแห่งเสรีภาพทางวิชาการ โดยยึดมั่นในสัจธรรมและคุณธรรม เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ การประยุกต์ เผยแพร่และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม บัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พึงฝักใฝ่ในการฝึกฝนตน เป็นผู้รู้จริง คิดเป็น ปฏิบัติได้ สามารถครองตน ครองคน ครองงาน ด้วยมโนธรรมและจิตสำนึกต่อสังคม”

ร่วมแสดงความคิดเห็น