ตามรอยบาทเสด็จฯเชียงใหม่ ธ ทรงงานสร้างสุขเพื่อแผ่นดิน

พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ยิ่งใหญ่ไพศาลดุจฟ้าปกดิน ยังความสุขบังเกิดแก่อาณาประชาราษฎร์ ด้วยความเอิบอิ่ม อยู่เย็น เป็นสุขยิ่ง

แม้นพระองค์จะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่พระราชกรณียกิจที่พ่อก่อ จักยังคงสืบสานต่อตลอดไป ในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 ตลอด รัชสมัย 70 ปี ที่รัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์นั้น พระองค์ได้ทรงงานโดยมิได้ว่างเว้นในการเสด็จฯเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภูมิภาคนั้น พระองค์ได้เริ่มที่ภาคกลาง เมื่อวันที่ 20 กันยายน พศ.2489

สำหรับภาคเหนือเริ่มเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2501 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จออกจากกรุงเทพฯ โดยขบวนรถไฟพระที่นั่ง ณ สถานีจิตรลดา ทรงประทับแรมและเยี่ยมเยียนราษฎรที่เฝ้ารับเสด็จตลอดเส้นทาง และในเช้าวันที่ 4 มีนาคม 2501 เมื่อเวลา 08.00 น. เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งมายังจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากในสมัยนั้นการเดินทางค่อนข้างลำบาก เส้นทางไต่เทือกเขาสูงชันลัดเลาะไปทางอำเภอเถิน และลี้ ลำพูน แม้จะเป็นที่ห่างไกลหรือทุรกันดารเพียงใด พระองค์ พร้อมสมเด็จพระราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ตามเสด็จฯ ก็ไม่ทรงย่อท้อ
เป็นที่ทราบกันดีว่า พื้นที่ทรงงานของพระองค์ คือทุกหนแห่งบนแผ่นดินไทย เมื่อพระตำหนักที่ประทับในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น ในปี พ.ศ. 2504 แล้วเสร็จ และพระราชทานนามว่า ภูพิงคราชนิเวศน์ พระตำหนักแห่งนี้ ใช้เป็นที่ประทับในโอกาสที่เสด็จฯแปรพระราชฐานมาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทรงงาน และเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตภาคเหนือรวมทั้งเพื่อรับรองพระราชอาคันตุกะในโอกาสต่างๆ
สำหรับเหตุผลที่พระองค์ทรงเลือกสร้างพระตำหนักที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากมีอากาศเย็นสบาย ภูมิประเทศสวยงาม ผู้คนรักษาจารีตขนบธรรมเนียม ประเพณีอันดีงามไว้อย่างเหนียวแน่น ณ พระตำหนักแห่งนี้ ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ได้ประพันธ์ คำร้องเพลง “เพลินภูพิงค์” ถวาย และพระองค์ทรงพระราชทานทำนอง
“ดุจจะลอยฟ้าดั่งทิพย์วิมานทองแห่งอินทร์พรหมสองเสกสนององค์ท้าวไท

ร่วมแสดงความคิดเห็น