เปิดศึกเดือด น้องผัวปะทะพี่สะใภ้ ด่ากันยับ สุดท้ายน้องผัวโมโหจัด คว้ามีดกระหน่ำแทงอีกฝ่ายดับคาบ้าน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ เวลาประมาณ 06.00 น. วันที่ 3 พ.ย.60 ทาง ร.ต.ท.ยงยุทธการ ไผ่ล้อมวรกุล พงส.สภ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า เกิดเหตุแทงกันที่บริเวณบ้านเลขที่ 21 ม.22 ต. ดอยหล่อ

หลังทราบเรื่องจึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ ร่วมกับ ทาง จนท.สายตรวจ และประสานทาง จนท. กู้ภัย และ จนท.เกี่ยวข้อง เข้าร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบบ้านปูนชั้นเดียว มีชาวบ้านยืนมุงดูที่เกิดเหตุจำนวนมาก และบริเวณกลางบ้านพบศพหญิงนอนเสียชีวิต 1 ราย สภาพจมกองเลือด มีบาดแผลถูกของมีคมแทงเข้าตามร่างกาย จากการตรวจสอบพบบาด แผลที่บริเวณไหลขวา 1 แผล ชายโครงซ้าย 1 แผล และด้านหลัง 2 แผล ทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือ นางปิยะกุล ตาจันทร์ อายุ 38 ปี ที่อยู่ 408 ม.3 ต.ดอยหล่อ

ส่วนผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ยืนรอมอบตัว พร้อมกับของกลางเป็นมีดปลายแหลมความยาวรวมด้ามจับ ประมาณ 13 นิ้ว ทราบชื่อคือ นายประชัน ตาจันทร์ อายุ 45 ปี ที่อยู่ 29 ม.22 ต.ดอยหล่อ ซึ่งเบื้องต้นทาง จนท.ได้ทำการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ และรวบรวมข้อมูลในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ก่อนมอบหมายให้ทาง จนท.กู้ภัย ทำการเก็บกู้ศพออกจากที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา

ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นางปิยะกุล ตาจันทร์ ผู้เสียชีวิตเป็นภรรยาของพี่ชาย นายประชัน ตาจันทร์ ผู้ก่อเหตุ โดยได้อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน แต่ที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตกับผู้ก่อเหตุนั้นไม่ค่อยลงรอยกัน และมักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง กระทั่งในวันเกิดเหตุ นางปิยะกุล ตาจันทร์ ผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้าน ขณะเดียวกัน นายประชัน ตาจันทร์ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาในบ้าน แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ ทั้งสองได้มีปากเสียงทะเลาะกันเกิดขึ้น

โดยทาง นางปิยะกุล ตาจันทร์ ผู้เสียชีวิต ได้ตะโกนด่าทอ นายประชัน ตาจันทร์ จนทำให้เจ้าตัวทนไม่ไหว เกิดโมโหจัดและได้คว้ามีดปลายแหลมตรงเข้ากระหน่ำแทง นางปิยะกุล ตาจันทร์ จนลงไปนอนจมกองเลือดบริเวณกลางบ้าน จากนั้นมีผู้เห็นเหตุการณ์ได้รีบโทรแจ้ง จนท.ตำรวจให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันการณ์เนื่องจากผู้เสียชีวิตนั้นเสียเลือดมากและทนพิษบาดแผลไม่ไหวทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตามภายหลังตรวจที่เกิดเหตุแล้วนั้น เบื้องต้นทาง จนท.ตำรวจได้ทำการควบคุมตัว นายประชัน ตาจันทร์ ผู้ก่อเหตุพร้อมของมาสอบสวนถึงสาเหตุที่ลงมือเพิ่มเติม พร้อมทั้งส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนศพของผู้เสียชีวิตนั้นได้ส่งไปทำการชันสูตร เพื่อหาสาเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะได้ให้ทางญาติมารับศพ เพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น