เชียงใหม่ หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการเก็บกวาด ซากกระทงกว่า 120 ตัน

เชียงใหม่ หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการเก็บกวาด ซากกระทงที่ลอยมาติดบริเวณประตูน้ำ ต.ป่าแดด หลังการจัดงานเทศกาลยี่เป็ง โดยระดมกำลังคน เครื่องจักรและเรือตัก จัดกิจกรรม รณรงค์ทำความสะอาดเก็บกระทง ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล ภายใต้โครงการ “จิตอาสา ประชารัฐ กำจัดขยะจากกระทง” ก่อนนำซากกระทงทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการย่อยสลายและทำลายอย่างถูกวิธี ขณะที่ทางพ่อเมืองเผยปริมาณกระทงในปีนี้ลดน้อยลงมาก หากเทียบกับปีก่อนๆ

เมื่อเวลา 09:00 น.วันที่ 7 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำ ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ เป็นประธานในการเปิดกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดเก็บกระทง ขยะมูลฝอย และสิ่งปฏิกูล ภายใต้โครง การ “จิตอาสา ประชารัฐ กำจัดขยะจากกระทง” โดยมี หน.ส่วนราชการ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวของ นักเรียน เยาวชน กลุ่มจิดอาสาทำความดี และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

ซึ่งภายหลังจากการจัดงานเทศกาลลอยกระทง หรือยี่เป็งเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2-4 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานประเพณี พร้อมทั้งนำกระทงมาลอยลงในลำน้ำปิงกันเป็นจำนวนมาก และภายหลังจากการจัดงานประเพณี กระทงที่ถูกลอยลงในลำน้ำก็ได้ไหลมาตามเส้นทาง และมารวมกันที่บริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำ ต.ป่าแดดรวมประมาณหลายแสนชิ้น คิดเป็นน้ำหนักหลายร้อยตัน

ทำให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวของต้องเร่งดำเนินการเก็บขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเน่าเสียในลำน้ำ โดยได้มีการเตรียมอุปกรณ์ และครื่องจักร เรือทำความสะอาด รถตักแบคโฮ เข้าทำการเก็บขยะมูลฝอยและซากกระทง พร้อมได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับประชาชน อาสาสมัคร และผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ ในการร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินการ

ทั้งนี้ทาง นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมของการจัดงานประเพณียี่เป็งในปี 60 นี้ พบว่ามีประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย-ชาวต่างชาติ เข้ามาร่วมงานประเพณีกันอย่างเนืองแน่น แต่เมื่อมาดูในส่วนของกระทงที่ถูกลอยลงสู่ลำน้ำปิงแล้วพบว่าในปีนี้มีปริมาณลดลงน้อยลงเหลือประมาณ 120 ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณเมื่อปีที่ผ่านมาจากประมาณ 140 ตัน และมีผลมาจากสาเหตุที่ปีนี้ทาง จ.เชียงใหม่ ได้มีการรณ รงค์ในเรื่องของ 1 ครอบครัว 1 กระทง ทำให้ปริมาณกระทงที่ใช้ลดน้อยลง และอีกเรื่องคือในการลอยกระทงยี่เป็งนั้น ได้กระจายไปทั่วทั้ง จ.เชียงใหม่

ประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องลอยกระทง ในลำน้ำปิงเพียงจุดเดียว และได้กระจายไปหลายๆ ที่ ที่มีการจัดงานจึงทำให้ปริมาณกระทงที่ลอยมารวมกัน ที่บริเวณด้านหน้าประตูระบายน้ำ ต.ป่าแดด นั้นมีปริมาณที่ลดน้อยลง แต่เรื่องที่ต้องรณรงค์มากยิ่งขึ้นในปีหน้าคือเรื่องของกระทงที่ใช้วัสดุที่ทำจากโพม ที่พบว่าเริ่มกลับมามีจำนวนเพิ่มขึ้น และอีกชนิดคือกระทงที่ทำมาจากขนมปังเนื่องจากเกิดการไม่ย่อยสลาย และฝากเตือนไปถึงผู้ทำกระทงขนมปังให้คำนึงถึงการย่อยสลายด้วย ซึ่งในส่วนของปีหน้าจะได้มีการหารือ เพื่อวางแผนในการใช้กระทงที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันในส่วนของซากกระทง ที่ได้มีการเก็บกวาดขึ้นจากลำน้ำแล้วนั้น ก็จะนำไปเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งหากเป็นในส่วนของวัสดุที่ทำจากธรรมชาติ อย่างเช่น หยวกกล้วย หรือใบตองนั้น ก็จะนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก ส่วนที่เป็นโพมหรือขนมปัง และวัสดุที่ย่อยสลายได้ยาก ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกรรมวิธีในการกำจัดอีกครั้ง

โดยการดำเนินการเก็บกวาดในวันนี้ เพื่อทำให้ลำน้ำกลับมาสะอาดอีกครั้ง และเพื่อให้การกำจัดขยะ รวมทั้งซากกระทงนั้นเป็นไปอย่างถูกต้อง ถูกวิธี เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ โดยการดำเนินการจัดเก็บนั้นก็ได้เริ่มดำเนินการมาแล้วส่วนหนึ่ง และคาดว่าจะดำเนินการเก็บกวาดให้แล้วเสร็จโดยเร็วในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.)

ผวจ.กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนของประเด็นเรื่องโคมลอยนั้น จากการสำรวจพบว่าในปีนี้มีผู้ที่นิยมปล่อยโคมลอยมากขึ้น แต่ยังเป็นไปตามคำสั่งจังหวัด และคำสั่งของคณะ คสช. ในการกำหนดวันและเวลา ซึ่งประกาศดังกล่าวได้มีการร่วมหารือกันกับทางสภาวัฒนธรรม และทางสภาวัฒนธรรมได้เป็นผู้เสนอข้อมูลในเรื่องการปล่อย พร้อมทั้งประสานกับทางวิทยุการบิน ร่วมเป็นกรรมการด้วย จึงมีความเห็นร่วมกันและได้มีการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบิน ซึ่งหากมองภาพรวมพบว่า ปีนี้มีการปล่อยโคมลอยเพิ่มขึ้น

เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา นอกจากจะมาลอยกระทงแล้ว ก็ได้มีการปล่อยโคมลอยด้วย แต่ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยของโคมลอยนั้น ก็ได้มีการควบคุมกันอย่างเข้มข้น และจากหลายๆ ที่ ที่ทาง จนท.อำเภอ ได้ทำการออกตรวจก็พบว่ามีหลายที่ที่ยังไม่ได้ทำให้เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการตรวจยึดโคมที่ไม่ได้มาตร ฐานไว้ ซึ่งโคมส่วนใหญ่จะต้องมีขนาดที่เป็นไปตามประกาศของจังหวัดที่ได้กำหนดไว้

ร่วมแสดงความคิดเห็น